กุยหวั่นไม่พูดจา ยังคงใจเย็นรอเขาอธิบาย โหลวเช่อยิ้มอย่างจนใจแล้วค่อยพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเหมือนที่เจ้าคิด เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันทางอ้อมกับฮองเฮา เบื้องหลังยังเกี่ยวพันไปถึงผลประโยชน์ของตระกูลและอำนาจของราชสำนัก เจ้าอย่าฟังคำของฮองเฮาเพียงด้านเดียว”
ได้ยินดังนั้นกุยหวั่นมีสีหน้าอ่อนลงมากแล้วถามเขาเสียงเบา “ฮองเฮาจะเป็นอย่างไร” ไม่รอให้โหลวเช่อตอบ นางก็พูดอีกว่า “ท่านอย่าทำร้ายฮองเฮาได้หรือไม่ ไว้ชีวิตนาง อย่างไรเสียนางก็เป็นแม่ของแผ่นดิน เป็นแม่ขององค์ชายใหญ่”
โหลวเช่อไม่เคยเห็นกุยหวั่นแสดงความอ่อนไหวออกมาเช่นนี้ หญิงผู้นี้ดูเรียบเฉยมาโดยตลอด ทว่าเขาไม่กล้าขัดคำขอร้องของนาง จึงถอนหายใจแล้วพยักหน้าเป็นการรับปาก
กุยหวั่นโล่งใจ ขอเพียงโหลวเช่อรับปาก ปัญหาคงจะไม่รุนแรงมากมายขนาดนั้นแล้ว นางฉีกยิ้มสดใสออกมาได้ในที่สุด “ขอบคุณท่านมาก”
ได้เห็นรอยยิ้มของนางเช่นนี้อีกครั้ง โหลวเช่อก็ยิ้มสว่างราวกับสายลมเดือนสามเช่นกัน
ฤดูใบไม้ผลิของรัชศกเทียนไจ่ปีที่สอง คดีวัดฮู่กั๋วจบลงในที่สุด คดีนี้ไม่มีหลักฐานชี้ชัด สุดท้ายจำต้องยอมปล่อยไป แต่ลือกันว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับฮองเฮา เบื้องหลังคดีนี้ฮ่องเต้ทรงตัดกำลังขุนนางของพระสัสสุระไปจำนวนมาก ในราชสำนักวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันไปทั่ว ในทางกลับกัน อำนาจตระกูลของอิ๋งกุ้ยเฟยกลับเข้มแข็งมากขึ้น จากการเพิ่มทางนี้ตัดทางนั้น ทำให้พระสัสสุระไม่มีอำนาจรุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกแล้ว
นิ้วเรียวงามหักกิ่งหลิวที่แตกยอดใหม่ลงมา ก่อนจะเอามาแตะตรงปลายจมูกแล้วดมเบาๆ มันมีกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิจริงดังคาด กุยหวั่นยิ้มบางๆ อย่างพอใจ เมื่อวางกิ่งหลิวลงก็หันหน้ามาถาม “ไม่มีเรื่องอื่นแล้วหรือ”
พ่อบ้านก้มหน้าลง น้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด เหมือนเป็นการท่องมารายงาน “ไม่มีเรื่องอื่นแล้วขอรับ ครึ่งเดือนมานี้เรื่องที่ภายนอกวิพากษ์วิจารณ์กันมากที่สุดก็คือคดีวัดฮู่กั๋ว”
“คนนอกลือกันมากเข้าก็เบื่อไปเอง หมดเรื่องเสียที” กุยหวั่นพูดด้วยรอยยิ้ม เรื่องที่โหลวเช่อรับปากเขาก็ทำได้จริง ทหารเฝ้าตำหนักฮองเฮาก็ถูกถอนไปแล้ว ตำแหน่งของนางก็รักษาเอาไว้ได้แล้ว สำหรับเรื่องอื่นไม่อาจขอให้มากไปกว่านี้ได้ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทางที่ดีตามการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ
“ฮองเฮาเล่า มีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่”
“ไม่มีขอรับ” พ่อบ้านพูดอย่างใจเย็น “ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ตำหนักในทุกอย่างเป็นปกติ”
กุยหวั่นปักกิ่งหลิวลงในแจกัน จัดแต่งตามใจชอบอยู่สองสามทีก็รู้สึกราวกับวางหินก้อนใหญ่ในใจลงได้ ครึ่งเดือนแล้วนับจากที่ได้คุยกับฮองเฮา เรื่องที่นางหนักใจมาตลอดในที่สุดก็คลี่คลายลงแล้ว กุยหวั่นยกมุมปากยิ้ม ขณะกำลังจะสั่งให้พ่อบ้านถอยออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ เมื่อคิดอย่างละเอียด ฮองเฮาเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน พูดออกมาแล้วก็ต้องทำให้ได้ ฮองเฮาเคยบอกว่าจะฆ่าอิ๋งกุ้ยเฟย ตอนนี้จะรามือเพียงเพราะเรื่องนี้มีบทสรุปแล้วอย่างนั้นหรือ
ไม่หรอก นางคงกำลังรอคอย…รอคอยโอกาสที่ดีที่สุด คิดถึงตรงนี้รอยยิ้มเศร้าสลดของฮองเฮาเหมือนจะมาปรากฏตรงหน้าอีกครั้ง กุยหวั่นเพิ่มแรงที่มือมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวจนกิ่งหลิวหักดังเป๊าะ กุยหวั่นก้มหน้าลงดูกิ่งหลิวในมือทันที มันช่างเปราะบางเหลือเกิน นางขมวดคิ้วแล้วหมุนตัวกลับ “ส่งคนไปจับตาดูจวนพระสัสสุระ ถ้ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติอะไรก็มาบอกข้า” ตอนนี้ความสงบเรียบร้อยที่ผิดไปจากปกติทำให้นางรู้สึกเหมือนพายุใหญ่กำลังจะมา นางไม่เตรียมรับมือไม่ได้
ฮองเฮา ท่านอย่าได้วู่วามเด็ดขาดเชียวนะ…
พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ บนใบหน้าแสดงท่าทางไม่เข้าใจ นี่เป็นครั้งแรกที่กุยหวั่นได้เห็นสีหน้าแสดงอารมณ์บนใบหน้าสงบนิ่งของเขา นางมองหน้าเขาแล้วถามว่า “มีอะไรหรือ”
พ่อบ้านก้มหน้าลงอีกครั้ง ปกปิดสีหน้าทั้งหมด เพียงแค่ตอบอย่างเรียบง่ายว่า “ขอรับ ข้าจะส่งคนไปเฝ้าจวนพระสัสสุระทั้งวันทั้งคืน”
แปลกจริง คำสั่งของท่านอัครเสนาบดีเมื่อเช้าเหมือนกับคำสั่งของฮูหยินไม่ผิดเพี้ยนเลย
เห็นพ่อบ้านเดินจากไปอย่างเงียบๆ กุยหวั่นก็จ้องไปยังกิ่งหลิวที่ถูกหักลงเมื่อครู่แล้วก็อดบ่นไม่ได้ “เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว เหตุใดยังหนาวอย่างนี้อยู่นะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป…