เพื่อระงับมิให้พิษกำเริบ นางกลืนยาพิษที่ปรุงขึ้นเองเพื่อใช้พิษต้านพิษ นับว่าควบคุมพิษราคะไว้ได้ชั่วคราว
สองพิษเชือดเฉือนกันย่อมได้รับบาดเจ็บ กำลังภายในของนางอ่อนแอเกินไปจึงสูญเสียวรยุทธ์ชั่วคราว และยังต้องแลกด้วยรูปโฉมที่แปรเปลี่ยนไปสิ้นเชิง
ด้วยใบหน้าอัปลักษณ์เยี่ยงนี้ จึงได้แต่เพียงใช้กลอุบายบีบให้ต้วนฉางยวนเข้าหอพร้อมนางแล้ว…
“หน้าตาอัปลักษณ์เยี่ยงนี้ยังกล้าให้ท่านประมุขของพวกเรารับเป็นอนุอีก!”
“ไม่ประเมินฐานะของตนเองบ้าง เจ้าคู่ควรหรือ!”
“ช่างหน้าด้านไร้ยางอายเสียจริง!”
เสียงก่นด่าของผู้คนยังดำเนินต่อไป บุรุษผู้นั่งหลังตรงบนที่นั่งประมุขผู้นั้นตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ใบหน้ายังคงเคร่งขรึม โครงหน้าหล่อเหลาคมคาย คิ้วคมเข้มพาดเฉียง จมูกโด่งงุ้มปลายดังจะงอยปากพญาอินทรี ท่ามกลางท่วงท่าเย็นชาแฝงด้วยความลุ่มลึกงามสง่า
ดวงตาดำขลับดั่งท้องฟ้ายามราตรีของเขาคู่นั้นยะเยือกเย็นกว่าเกล็ดหิมะในรัตติกาลแห่งเหมันต์ กระแสคมกริบในแววตาทำให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อยิ่งกว่าโทสะที่สำแดงอยู่ภายนอก
อวี๋เสี่ยวเถาถูกเขาจ้องจนละอายแก่ใจ หดศีรษะเหมือนลูกเต่าแล้วเบือนหน้าหนี เหงื่อเย็นผุดขึ้นจนแผ่นหลังชุ่มโชก หากให้เขารู้ว่าตนเองคิดจะหลอกใช้เพื่อเก็บพลังหยางมาถอนพิษราคะ คงถูกแยกร่างออกแปดส่วนเป็นแน่!
นี่ก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงบุรุษใช้กำลังแย่งตัวสตรีที่หมายปอง ไหนเลยจะได้ยินว่าสตรีใช้กำลังแย่งตัวบุรุษ และที่สำคัญผู้ถูกแย่งคือประมุขผู้หล่อเหลาไม่ธรรมดาแห่งปราสาทเขาชิงอวี้ บุรุษที่สตรีทั่วโลกหล้านับถือเลื่อมใส ทำให้ทุกคนชิงชังเคืองแค้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คิดอยากทำลายนางให้ย่อยยับดับสูญ
เหงื่อเย็นของนางไหลหลั่งอย่างเงียบงัน สะกดจิตตนเองในใจ มองไม่เห็น มองไม่เห็น ข้ามองไม่เห็น…
ขณะที่น้ำลายของทุกคนกำลังทำให้นางสำลักตาย ต้วนฉางยวนก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง ในโถงใหญ่พลันเงียบกริบ ทุกคนรู้ดีว่าท่านประมุขจะให้คำตอบนาง
“ข้าตกลง”
คำสั้นๆ เพียงไม่กี่คำ มั่นคงทรงพลัง ทำให้เกิดเสียงอื้ออึงคัดค้านขึ้นอีกครา
“ไม่ได้เด็ดขาด! ท่านประมุข!”
“หญิงไร้ยางอายเยี่ยงนี้ ไฉนเลยจะเสียเปรียบให้นาง!”
“มิสู้จับกุมนางไว้แล้วเค้นเอาวิธีรักษาจากนาง!”
“ใช่! ใช่! เค้นเอาจากนาง!”
อวี๋เสี่ยวเถาแอบยินดีที่ต้วนฉางยวนตกลง แต่พอได้ยินคำพูดของคนเหล่านั้นก็นึกโกรธกรุ่นอยู่ในใจ ไม่จำเป็นต้องรังแกกันถึงขั้นนี้ก็ได้
อย่าคิดว่ามีเพียงสาวงามที่ใช้รูปโฉมเป็นอาวุธ หญิงอัปลักษณ์ก็กระทำได้ นางเงยหน้าแล้วจ้องผู้คนที่เอ่ยวาจาไม่เป็นศัพท์พลางกุมทรวงอก ออกแรงขมวดคิ้ว
ซีซือกุมอก* ทำให้ผู้คนใจแตกสลาย แต่นางกุมทรวงอกทำให้ผู้คนกระอักโลหิตเจียนตาย
ผู้คนไม่น้อยเมื่อเห็นแล้วต่างสูดหายใจเข้าเสียงดังไม่ขาดสายตามคาด แล้วรีบหลับตาเบือนหน้าหนี แต่ละคนทำท่าพะอืดพะอมราวกับจะอาเจียน
* ซีซือกุมอก หมายถึงหญิงงามแม้ในยามเจ็บปวดก็กลับยิ่งดูงดงาม เป็นสำนวนมาจากตำนานของซีซือ หนึ่งในสี่ยอดหญิงงามซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจ เมื่ออาการกำเริบจะขมวดคิ้วเอามือกุมอกไว้อย่างทรมาน แต่ผู้พบเห็นกลับรู้สึกว่าเป็นภาพที่งดงามชวนมอง