ต้วนฉางยวนยิ่งแสดงท่าทีว่าผู้รับตำแหน่งประมุขแห่งปราสาทเขาในภายภาคหน้าไม่จำเป็นต้องมาจากผู้สืบสายจากภรรยาเอกของเขา แต่จะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมีคุณธรรมจากบรรดาลูกหลานสกุลต้วนให้เป็นผู้สืบทอดของปราสาทเขา
ผู้ที่องอาจกล้าหาญเชี่ยวชาญกลยุทธ์ มีจิตใจกว้างขวางเยี่ยงนี้ช่างสมบูรณ์แบบเสียนี่กระไร
แต่บุรุษสมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้กลับต้องแหวกกฎเกณฑ์เพราะนาง ถูกบีบจนต้องรับนางเป็นอนุ สำหรับผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว อวี๋เสี่ยวเถานางคือนางโจรที่ไม่รู้จักยางอาย
อวี๋เสี่ยวเถาไม่แยแสคำเตือนของพวกสาวใช้ ลุกขึ้นยืนแล้วมองปราดการตกแต่งภายในห้องนี้ ที่นี่คือสถานที่ที่นางต้องอยู่ต่อไปในวันหน้า ภารกิจแรกก็คือทำความรู้จักสภาพแวดล้อมเสียก่อน
เมื่อมั่นใจว่าสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้วก็หยิบห่อสัมภาระของตนเองออกมา ห่อสัมภาระนี้คือ ‘สินเดิม’ ของนาง
หยิบผ้าคลุมบางออกจากห่อสัมภาระสวมทับลงบนใบหน้า ผ้าคลุมหน้านี้นางตระเตรียมไว้นานแล้ว นางสวมมันเพื่อปิดบังรูปโฉมอัปลักษณ์ เผยเพียงสองตาเพื่อสะดวกในการมอง
เมื่อสวมผ้าคลุมหน้าเรียบร้อย นางก็หมุนกายก้าวไปยังประตูห้อง เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าจะออกไปด้านนอก สองสาวใช้เห็นเข้าก็รีบขวางไว้
“เจ้าห้ามออกไป”
“ทำไมเล่า”
ทำไมหรือ นี่ยังต้องถามอีกรึ
เจ้าสาวควรอยู่รั้งภายในห้องหออย่างสงบเสงี่ยมเพื่อรอเจ้าบ่าวเข้าห้องมาเปิดผ้าคลุมหน้ามิใช่หรือ นางไม่อยู่บนเตียงอย่างว่าง่าย เปิดผ้าคลุมหน้าด้วยตนเองก็ช่างเถิด แต่จะออกจากห้องด้วยหรือ
“ไม่ถูกขนบประเพณี” หรูอี้เอ่ยขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชาและเหลืออด สตรีผู้นี้ช่างบังอาจเสียเหลือเกิน
อวี๋เสี่ยวเถายิ้มตอบนางว่า “พวกเจ้าวางใจ หากไม่ถึงยามราตรีท่านประมุขไม่มีทางมาหรอก ตอนนี้ฟ้ายังสว่างจ้าคาตาอยู่ ให้นั่งเหี่ยวแห้งอยู่ในห้องมิสู้ออกไปรับอากาศ ส่วนพิธีการนี้ก็ไม่ต้องเน้นหนัก ข้าไม่ถือสา เชื่อว่าท่านประมุขของพวกเจ้ายิ่งไม่ถือสา”
พูดจบอวี๋เสี่ยวเถาก็อ้อมผ่านพวกนางก้าวข้ามไปเปิดประตูด้วยตนเอง สองสาวใช้ต่างตะลึงงัน รีบเร่งติดตามไป เข้าขวางอยู่ตรงหน้านางอีกครา
“เจ้าห้ามออกไปเถลไถล ในฐานะอนุภรรยาของท่านประมุขหากให้ผู้อื่นเห็นว่าเจ้าไม่ยึดถือประเพณีเยี่ยงนี้ ย่อมทำให้ท่านประมุขของพวกเราขายหน้า”
ท่านประมุขถูกนางผู้นี้บีบให้รับเป็นอนุภรรยาก็เป็นเรื่องน่าอัปยศอดสูเพียงพอแล้ว บัดนี้ยังไม่ปฏิบัติตามประเพณีอีก ช่างไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาเอาเสียเลย
เผชิญหน้ากับความโกรธของสองสาวใช้ อวี๋เสี่ยวเถายังคงแย้มยิ้ม ตอบพวกนางอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“หากข้าเดาไม่ผิดเรือนเซียงสุ่ยแห่งนี้น่าจะตั้งอยู่ในที่ลับตาผู้คนที่สุดในปราสาทเขา ท่านประมุขของพวกเจ้าถูกบีบให้รับข้าเป็นอนุอย่างไม่เต็มอกเต็มใจ คาดว่าคงจัดข้าให้อยู่ในที่ที่ห่างจากเขามากที่สุด นับจากนี้ไปขอเพียงดวงตาไม่แลเห็นถือว่าสะอาด จึงเอาข้ามาเลี้ยงทิ้งไว้ที่นี่”
พอได้สดับคำพูดของนางเยี่ยงนี้ ทั้งสองสาวใช้ต่างเงียบงันไร้วาจา ดั่งยอมรับกลายๆ อวี๋เสี่ยวเถาเม้มปากยกยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “ต่อให้ข้าเดินเตร่อย่างไรก็ไม่พ้นลานบ้านส่วนหลัง อีกอย่างท่านประมุขไม่ได้จัดงานเลี้ยงเชิญแขกเหรื่อ ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะพบใครเข้าสักนิด พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่”