ถ้อยคำสุดท้ายทำให้สองสาวใช้ชาวาบ คาดไม่ถึงว่าอวี๋เสี่ยวเถาจะเดาถูก ท่านประมุขไม่มีความคิดจะรับนางเป็นอนุภรรยาแม้เพียงนิด ในเมื่อถูกนางบีบให้รับเป็นอนุภรรยา ไยต้องจัดงานเลี้ยงเชื้อเชิญแขกเหรื่อ เอ่ยแทงใจดำก็คือเป็นเพียงใช้พิธีการอย่างเรียบง่ายจัดวางนางไว้ที่ลานบ้านส่วนหลังเพื่อแลกเปลี่ยนกับยาของนาง
อวี๋เสี่ยวเถาเชื่อว่าในใจของต้วนฉางยวนไม่ยอมรับนางสักนิด ถือว่านี่คือการแลกเปลี่ยนทางการค้าเพียงเท่านั้น
หรูอี้ร้องฮึ “เจ้าก็รู้ตัวดีนี่”
“พวกเราตกลงกันเถิด ข้ารู้ว่าพวกเจ้าถูกส่งมาที่ลานบ้านแห่งนี้ ในใจย่อมไม่ยินยอมอย่างแน่แท้ ส่วนข้านั้นขอเพียงมีที่ซุกหัวนอนเป็นหลักแหล่ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องคิดว่าข้าเป็นฮูหยินรอง ให้ถือเสียว่าข้าเป็นแขก! ไม่ว่าอย่างไรข้าและท่านประมุขของพวกเจ้ายังมีการค้าต้องเจรจากันอีก คุณหนูใหญ่ของพวกเจ้ารอข้ารักษาอยู่” ไม่รอให้พวกสาวใช้แสดงอากัปกิริยาใดๆ นางอ้อมผ่านสาวใช้ทั้งสองอีกคราเพื่อเดินเตร่ด้วยตนเอง
หรูฉิงและหรูอี้สบตากันปราดหนึ่ง คิดในใจว่าที่เอ่ยมาก็มีเหตุผล ขอเพียงไม่ออกจากลานหลังบ้านนี้ก็พอ พวกนางเองก็คร้านจะทำตาโตจ้องเขม็งอยู่ภายในห้อง
อวี๋เสี่ยวเถาเห็นว่าสาวใช้ทั้งสองเพียงเดินตาม ไม่ห้ามปรามอีก มุมปากจึงฉายยิ้มอ่อนบาง ท่าทีของข้ารับใช้สะท้อนถึงความคิดจิตใจของเจ้านาย นางเข้าใจกระจ่างด้วยเหตุนี้
ที่นางเลือกเป็นเพียงอนุภรรยาของต้วนฉางยวน ไม่เป็นภรรยาเอกเพราะเหตุผลที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือสถานะอนุภรรยาจะร้องขอจากไปได้ทุกเมื่อ หากในช่วงที่นางพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ต้วนฉางยวนยินยอมดีต่อนาง นางก็รั้งอยู่ต่อ หากเขาไม่ดีต่อนาง นางก็จะจากไป
นางชื่นชมลานบ้านไปพลาง พิจารณาสิ่งปลูกสร้างและภูมิลักษณะของที่นี่ไปพลาง คิดจะรู้ให้แน่ชัดว่าบริเวณที่ตนเองเคลื่อนไหวได้มีขนาดกว้างเพียงใด เช่นนี้ดีต่อการจัดวางทางหนีทีไล่ของนางเอง
บุรุษผู้ปกครองสมุนบริวารหลายพันคนในปราสาทเขา บุกทลายรังโจร ช่วงชิงเสบียงจากเผ่าหมานทางตอนเหนือ แต่ผู้สามารถก่อการใหญ่ย่อมใช้วิธีการผิดมนุษย์อยู่บ้าง ถึงคงสัมพันธ์อันดีกับผู้มีอำนาจราชศักดิ์ในราชสำนักและรักษาฐานะอยู่เหนือข้อพิพาทใดๆ ได้ ตามรูปการณ์แล้วใช่จะต่อกรได้ง่าย
คิดถึงคืนแห่งเทียนมงคลในห้องหอ นางก็กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบสูดหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อปลุกปลอบตนเองว่ากว่าจะก้าวมาถึงขั้นนี้ไม่ง่ายเลย นางต้องยืนหยัดต่อไป
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามถึงเดินสำรวจได้รอบลานส่วนหลัง นางก้าวต่อไปยังหุบเขาด้านหลัง
“แม่นางกรุณายั้งฝีเท้าด้วย”
อวี๋เสี่ยวเถาหันกลับไปมองหรูฉิงผู้เอ่ยปากห้าม “อย่างไรกัน เขาด้านหลังไปไม่ได้หรือ”
“ที่นั่นคือสถานที่ล่าสัตว์ส่วนตัวของท่านประมุข หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านประมุขก็เข้าไปไม่ได้” หรูฉิงเอ่ยอธิบาย
“อ้อ?” ดวงตาของนางส่องประกาย มองไปทางหุบเขาด้านหลัง ที่แท้ยังมีเขาด้านหลัง ช่างประเสริฐเหลือเกิน ต้องหาโอกาสลองเข้าไปเดินชมให้ได้
เมื่อจิตใจตั้งมั่นแล้ว หลังทำความเข้าใจพอคร่าวๆ ถึงความกว้างใหญ่ของบริเวณที่ถูกกักขังในวันหน้า นางก็ไม่ทำให้สาวใช้ลำบากใจ หมุนตัวเดินกลับไปยังเรือนเซียงสุ่ย
กลับมาถึงในห้อง สีฟ้าเริ่มมืดมิด โคมไฟบริเวณโดยรอบถูกจุดขึ้น
นางถามสาวใช้ “ข้าหิวแล้ว เมื่อใดถึงกินอาหารได้”
“แม่นางอดทนไว้ก่อน พิธีการยังไม่เสร็จสิ้น เจ้าสาวหาอะไรกินประทังหิวมีที่ไหนกัน”