ต้วนฉางยวนและบริวารที่เขาพามาล้วมคลุมผ้าสีดำบนศีรษะ สองมือสวมถุงมือหนัง ทั้งร่างห่อพันอย่างมิดชิด บนร่างยังรมด้วยกลิ่นหอมไล่แมลง
คนแถวหนึ่งซึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาล้วนเป็นคนสุขภาพแข็งแรงกำยำในยามปกติ อาจเป็นเพราะถูกผึ้งต่อยไม่มากจึงยังฝืนร่างไม่ให้ล้มลงได้ ทว่าบนใบหน้า ลำคอ และที่มือแต่ละคนล้วนบวมเป่ง ความน่าเกรงขามถูกแทนที่ด้วยความน่าอนาถ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เรียนท่านประมุข ไม่รู้ว่าผึ้งดำมาจากที่ใด มาเป็นกลุ่มใหญ่ พอเจอคนก็ต่อย”
ผู้ที่ตอบเขาคือจ้าวหรานซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เนื่องจากเนื้อบนจมูกบวมปูด ใบหน้าน่ามองของเขายามนี้จึงดูน่าตลกขบขัน ทำให้ผู้คนด้านหลังต้วนฉางยวนหลายคนพอเห็นแล้วก็รีบอุดปากกลั้นหัวเราะ
ต้วนฉางยวนเห็นสภาพดูไม่จืดของจ้าวหรานก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ผึ้งดำเล่า?”
จ้าวหรานยิ้มแหย “ตอนมามาเป็นกลุ่มใหญ่ ตอนนี้กลับบินหายไปไม่เหลือสักตัว คิดจะจับก็จับไม่ได้”
“หรูฉิง หรูอี้ อาหญิงหลิน ป้าชุย สือเอ๋อร์ เสี่ยวจาง ยังมีสู่เหล่าซาน พวกเขาถูกต่อยสาหัสที่สุด ล้วนนอนไข้ขึ้นสูงอยู่บนเตียง คนอื่นแม้ยังพอเดินได้ แต่ส่วนที่ถูกต่อยร้อนดังไฟแผดเผา ทรมานยิ่ง”
หลังต้วนฉางยวนได้ฟังแล้วก็สั่งกำชับออกไปเป็นข้อๆ เร่งส่งท่านหมอมา จากนั้นให้หวังสยงพ่อบ้านใหญ่เร่งรุดไปยังห้องยาของปราสาทเขา กำชับให้ท่านหมอหลิวเหรินรีบเคี่ยวปรุงยาถอนพิษแล้วให้ทุกคนดื่ม อีกทั้งเตรียมผงไล่แมลงปริมาณมากพร้อมน้ำสาดพรมทุกหนแห่งเพื่อกันผึ้งดำโจมตีอีกครั้ง
ผู้คนในปราสาทเขามีมาก ห้องยาในยามปกติล้วนเตรียมสมุนไพรชั้นดีไว้พร้อม ต้วนฉางยวนเคยนำกองกำลังส่วนตัวเข้าร่วมกับราชสำนักปราบปรามความวุ่นวาย ผ่านเขตโรคระบาด รู้ดีถึงความน่าสะพรึงกลัวหากโรคร้ายลุกลาม ดังนั้นในห้องยาจึงไม่เคยขาดแคลนยาสมุนไพรล้ำค่านานาชนิด
เขารู้สึกสงสัย ในปราสาทเขาไม่เคยถูกผึ้งดำโจมตี อีกทั้งคนที่เขาส่งไปไม่ว่าจะหาอย่างไรก็หาที่ทำรังของผึ้งไม่พบ เรื่องนี้ช่างน่าประหลาดนัก
เหมือนเขานึกอะไรขึ้นได้ จึงถามออกมาคำหนึ่งว่า
“นางเล่า?”
จ้าวหรานเงยหน้า สีหน้าอึดอัดใจ ในชั่วขณะไม่เข้าใจว่าท่านประมุขถามถึงผู้ใด เป็นเซียงเอ๋อร์สาวใช้ที่อยู่ข้างตัวที่ตอบสนองได้ฉับไว รีบตอบว่า
“อยู่ในเรือน มิได้ออกมา”
ว่าไปแล้ว ท่านประมุขมาถึงเรือนเซียงสุ่ย ทุกคนต่างรีบออกมาพบ มีเพียงสตรีผู้นั้นที่ไม่ปรากฏตัว ทุกคนต่างคิดในใจว่านางคงถูกผึ้งดำต่อยจนล้มป่วยอยู่เป็นแน่
ต้วนฉางยวนเบือนหน้ามองไปทางเรือนพำนักนั้น เขาไม่ได้เหยียบย่างมาที่นี่หนึ่งเดือนแล้ว ลังเลอยู่พักหนึ่งก็ก้าวยาวเดินไปทางนั้น ผลักประตูให้อ้าออกแล้วก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป
ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คืออวี๋เสี่ยวเถากำลังนั่งอยู่บนเตียง เมื่อเขาเข้ามานางก็เงยหน้ามอง ดวงตาคู่นั้นระยิบระยับมีชีวิตชีวา ไม่ลนลานแม้เพียงนิด เมื่อเห็นเขาก็ไม่ขึ้นหน้ามาทักทายตามมารยาท เอาแต่นั่งอย่างเอ้อระเหยอยู่บนเตียง
ต้วนฉางยวนหรี่ตามองประเมินนาง