วันนี้นางกระทำเหมือนปกติโดยแอบออกจากปราสาทเขาเข้าไปเตร็ดเตร่ในตัวเมือง แม้รูปโฉมฟื้นคืนสภาพพอประมาณแล้ว ทว่าวรยุทธ์ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ผนวกกับกลัวว่าพวกเป็นหูเป็นตาให้เหยียนจิ่วจะพบนางเข้า ดังนั้นอวี๋เสี่ยวเถาจึงแปลงโฉมให้อัปลักษณ์เป็นพิเศษ หวีผมมวยง่ายๆ แล้วปักปิ่นไม้อันหนึ่ง เปลี่ยนเป็นชุดสามัญชนสุดแสนเรียบง่ายสมถะ แต่งกายให้ตนเองกลายเป็นแม่นางที่ไม่ควรค่าแก่การชายตามอง
วันนี้อากาศปลอดโปร่ง ท้องฟ้ากระจ่างใส อวี๋เสี่ยวเถารู้ดีว่าอาหารจากร้านใดเลิศรส สุราจากเหลาใดหอมหวน หรือร้านขายตำรา ร้านขายยา อีกทั้งหน้าร้านใดมีอะไรดีนางล้วนชำนาญทั้งสิ้น
ขณะเดินบนถนนใหญ่ จู่ๆ เบื้องหน้ามีคนผู้หนึ่งเดินมา เสื้อผ้าของเขาขาดกะรุ่งกะริ่ง ทั้งร่างสกปรกโสโครกสุดจะทานทน มีรอยเลือดเปื้อนอยู่บนหน้าอก แม้ดูตกระกำลำบาก ทว่ากระแสสังหารเจอเทพฆ่าเทพ* แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา ผู้คนบนท้องถนนต่างถอยลี้หนีห่างราวกับเขาเป็นงูเป็นแมงป่องพิษก็ไม่ปาน
อวี๋เสี่ยวเถามองอย่างสงสัยใคร่รู้อยู่อีกฟาก ชายผู้นี้สยายผมกระเซิง ลากฝีเท้าอย่างหนักอึ้ง ราวกับว่าประสบเคราะห์กรรมวิบากมา ทว่าบนใบหน้าไร้ซึ่งความต่ำต้อยขี้ขลาดตาขาวดั่งยาจกโดยทั่วไป ดวงตากลับยิ่งหยิ่งทะนงและคมกริบ คนผู้นี้มิใช่ยาจกเป็นแน่ แต่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาถึงได้อับจนถึงขั้นนี้
บัดนี้นักเลงหัวไม้ใจอันธพาลก้าวย่างวางก้ามอยู่บนท้องถนน ซ้ำยังถีบพ่อค้าหาบเร่ที่หลบทางให้ไม่ทันเสียกระเด็น บนบ่าของพ่อค้าเร่หาบไม้คานยาว ผักป่าเผือกภูเขาในหาบหล่นกระจายเต็มพื้น
พวกอันธพาลถีบพ่อค้าหาบเร่แล้วยังไม่หนำใจ เหยียบย่ำผักป่าเผือกภูเขาที่ร่วงกระจายบนพื้นให้เสียหายซ้ำอีก ประหนึ่งเห็นพ่อค้าหาบเร่น้ำตาหลั่งรินเป็นเรื่องสาแก่ใจยิ่ง
อวี๋เสี่ยวเถาขมวดคิ้วมุ่น พบว่าหลังจากที่อันธพาลพวกนั้นเห็นชายซึ่งดูคล้ายยาจกแล้ว ต่างก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้แก่กัน ดูท่าคิดจะหาเรื่องยาจกผู้นั้น นางโคจรกำลังภายในไปที่ฝ่ามืออย่างเงียบเชียบ คาดการณ์ว่าหากพวกมันลงมือกับชายผู้นั้นจริงก็จะช่วยเหลือสักครา
“เฮ้ย! ยาจกมาแต่ไหนกัน เหม็นโฉ่จะตาย ขวางทางคุณชายอย่างพวกข้าให้น้อยหน่อย!”
ขณะที่ทุกคนคิดว่ายาจกคงประสบเคราะห์เป็นแม่นมั่น ทว่าเหนือความคาดหมายของทุกคนก็คืออันธพาลที่ลงมือกับยาจกผู้นั้นเป็นคนแรก แม้แต่ชายเสื้อก็ยังมิทันได้แตะ คนในเหตุการณ์เห็นเพียงแสงสีเงินสายหนึ่งวาบผ่าน พริบตานั้นเองที่ทุกคนพลันลืมหายใจ
อันธพาลผู้นั้นถูกฟันจนเอวขาด ถึงขั้นตัวเองยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ร่างกายท่อนบนและท่อนล่างหลุดแยกออกจากกัน โลหิตสดๆ พุ่งทะลักดั่งน้ำพุ สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้พรรคพวกที่เหลือ ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบข้างต่างตื่นตระหนก
“ฆ่าคนแล้ว! ฆ่าคนแล้ว!”
ทั้งเสียงกรีดร้องและผู้คนที่พยายามหนีเอาชีวิตรอด ชั่วพริบตาเดียวทั้งท้องถนนโกลาหลวุ่นวาย ส่วนอันธพาลสองสามคนนั้นหลังตกตะลึงเมื่อเห็นพรรคพวกถูกฟันจนเอวขาดก็ล้มลุกล้มกลิ้งหนีกระเจิงไปอย่างเสียขวัญ
อวี๋เสี่ยวเถาเห็นทุกอย่างกระจ่างชัดแจ้ง ยาจกผู้นั้นไม่กะพริบตาแม้เพียงนิด จัดการอีกฝ่ายได้ในดาบเดียว
ดาบเล่มนั้นส่องประกายคมกริบภายใต้แสงตะวัน จากชักดาบจนเก็บดาบสำแดงวิชาอันปราดเปรียวของคนผู้นี้ว่าหาใช่ระดับสามัญธรรมดา
หลังฟันอีกฝ่ายจนเอวขาดแล้วชายผู้นั้นก็หลบไปจากที่เกิดเหตุท่ามกลางความแตกตื่นวุ่นวายของผู้คน อาศัยความโกลาหลเป็นเกราะกำบังพรางตัวหลบหนี
นางติดตามชายผู้นั้นไปตลอดทาง จนมาถึงศาลเจ้าแถบชานเมืองด้านตะวันตก พบว่าเขาสลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าศาลเจ้า ประหนึ่งว่าไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง ในที่สุดก็ไม่อาจฝืนต่อไปจึงล้มกองอยู่กับพื้นลุกไม่ขึ้นเช่นนี้
* เจอเทพฆ่าเทพ เป็นสำนวน หมายถึงเจอผู้ใดขวางหน้าก็สังหารไม่เว้น