ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก อวี๋เสี่ยวเถากล่าวต่อไปว่า “อาวุธที่ทำร้ายเจ้าอาบยาพิษชนิดหนึ่ง พิษนี้ยังไม่กำเริบ หากรอจนกำเริบก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว ข้าอยากรู้เรื่องราวคร่าวๆ ก่อนพิษจะกำเริบ ถึงข้าจะไม่เสียดายเวลา แต่ที่จริงแล้วข้าเกียจคร้านมาก หากปรึกษาหารือกันได้ พวกเรารบเร็วจบเร็ว ว่าอย่างไร”
ทำความดียังรังเกียจว่ายุ่งยากอีกหรือ
แววตาของชายผู้นี้ดั่งคบเพลิง สาดประกายประหลาดสายหนึ่งวาบมา ส่วนนางมองเขาอย่างเกียจคร้าน มือหนึ่งเท้าคางวางข้อศอกบนหัวเข่าที่นั่งยองๆ ท่าทางเหนื่อยหน่ายเสียเต็มประดา
ชายผู้นี้เงียบขรึมลงพักหนึ่ง ก่อนจะเล่าให้นางฟังว่าเขาบาดเจ็บได้อย่างไร นางถามอะไร เขาก็ตอบเพียงเท่านั้น เรื่องอื่นไม่เอ่ยถึง
อวี๋เสี่ยวเถารู้ดีว่าเขาจงใจปิดบัง แต่ก็คร้านจะถามให้มากความ เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นนางขี้เกียจแยแส นางช่วยชีวิตเขาเพียงเพราะต้องการประกอบความดีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นช่วยก็ช่วยแล้ว ขืนหยุดลงกลางคันคงถูกฟ้าผ่าตายเป็นแน่
“เอาล่ะ รอที่นี่” นางยืดกายลุกขึ้น เดินออกจากศาลเจ้า ผ่านไปครึ่งชั่วยามก็กลับมา ในมือถือใบไม้ใบหนึ่ง ในใบห่อของเหลวข้นเหนียวสีเขียวเอาไว้ ดูแล้วน่าขยะแขยงอย่างยิ่ง
เขาจ้องของเหลวข้นเหนียวในมืออีกฝ่ายก่อนจะเงยหน้ามองนาง เห็นแววตาของนางใสสะอาดเปิดเผย เขาลังเลเพียงครู่ก่อนจะยื่นรับมาไว้ในมือแล้วกลืนกินลงท้องในคำเดียว
จากการสังเกตมาห้าวันนี้ เขาเชื่อมั่นว่าหญิงผู้นี้ไม่คิดทำร้าย จึงปล่อยให้นางรักษา และแอบอัศจรรย์ใจอยู่เงียบๆ ที่ฝีมือการรักษาของนางสูงส่ง เขารู้ตัวดีว่าบาดเจ็บสาหัส ต่อให้ไม่ตายก็คงกึ่งพิการ คาดไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ทำให้เขาอาการดีขึ้นเกินครึ่ง
โดยเฉพาะยาที่นางให้นั้นพิเศษอย่างยิ่ง มิใช่ยาลูกกลอนธรรมดาและมิใช่ยาที่ต้องเคี่ยวปรุง แต่เป็นก้อนคล้ายดินเหนียว บัดนี้ก็ให้ของเหลวเหนียวข้นสีเขียวดูแล้วน่าขยะแขยงอย่างยิ่งแก่เขาอีก ทว่าหลังกลืนลงท้องแล้วเขารู้สึกได้ทันทีว่ามีกระแสความร้อนสายหนึ่งทำให้เส้นลมปราณปลอดโปร่งโล่งสบาย
เป็นไปตามที่คาด เขาปรับลมปราณโคจรพลังอย่างแผ่วเบา ใช้กำลังภายในโคจรพลังเองได้จริงเสียด้วย ในใจยิ่งรู้สึกทึ่งต่อหญิงผู้นี้
“ไม่ต้องเอ่ยถึงบุญคุณ ไม่ต้องคำนึงถึง” นางยืนขึ้นโบกมือให้เขา “ข้าไปแล้ว เจ้าโคจรปรับสภาพร่างกายสักครึ่งชั่วยามก็คงใช้การได้ จำไว้ว่าต้องไปอาบน้ำเสียด้วยนะ ร่างเจ้าเน่าเหม็นจะตายอยู่แล้ว”
เขาใช้สายตาส่งนางจากไป จวบจนกระทั่งไม่เห็นเงาร่างของนางแล้วจึงลองดมกลิ่นของตนเอง ถึงกับรังเกียจว่าเขาเหม็นหรือ ตลอดชีวิตของเจียงเซ่าเหิงไม่เคยเจอสตรีนางใดรังเกียจเขาแบบนี้
คิดถึงคำกำชับก่อนจากไปของนาง เขาจึงรีบหลับตารวบรวมสมาธิโคจรพลัง
อวี๋เสี่ยวเถากลับมายังตลาดอันคึกคักจอแจทางตะวันออกของเมือง เดินไปพลางมองหาของสนุกไปพลาง จากร้านชาดทาแก้มแป้งน้ำในตรอกตะวันตก เดินมาถึงร้านเครื่องประดับหินหยกบนถนนตะวันออก ซื้อพุทราเชื่อมมาไม้หนึ่ง เดินไปกินไป ทิ้งบุรุษเอวขาดไว้หลังหัวสมองเรียบร้อยแล้ว