เมื่ออิงเสวี่ยหรงเยื้องย่างอย่างเชื่องช้าแช่มช้อยเข้ามาในห้องพิเศษบนชั้นสอง ช่วงเวลาที่เลิกม่านเปิดออกนั้นเอง ดังดวงอาทิตย์ยามอรุณรุ่งสาดส่องแสงขึ้นจากทิศบูรพา ความงามของนางทำให้บุรุษทุกผู้ทุกนามในที่นั้นตื่นตะลึงไม่คลาย
นางสวมชุดสีงาช้าง ทั้งร่างงดงามสุภาพอ่อนโยน ผมเผ้าส่วนหนึ่งหวีจับเป็นมวยอย่างเรียบง่าย ปิ่นหยกม่วงเสียบอยู่บนมวย ผมยาวสลวยส่วนอื่นปล่อยคลุมบ่า การแต่งองค์ทรงเครื่องสุภาพเรียบง่ายราวกับนางเซียนบนชั้นฟ้าผู้ไม่แปดเปื้อนราคีแห่งโลกโลกีย์เยี่ยงไรเยี่ยงนั้น
ดวงหน้าสวยใสสะอาดตา ไร้แป้งประทินโฉมประโคมแต่งจนเกินงาม สีชาดอ่อนบางบนริมฝีปากก็เหมาะเจาะพอดิบพอดี ความอบอุ่นอ่อนโยน ความละเมียดละไม และความสง่างามที่มิอาจปรามาสได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนาง
บุรุษทุกผู้ทุกนามต่างมองตาค้างด้วยหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของนาง ต้วนฉางยวนก็มองนางเช่นกัน มุมปากเม้มยิ้มบาง ผายมือเชื้อเชิญอย่างมีมารยาท
“แม่นางอิง เชิญนั่ง”
“ขอบคุณประมุขต้วน”
อิงเสวี่ยหรงก้มหน้าหลุบตา ย่อกายคารวะอย่างแผ่วเบา ฉากเมื่อสักครู่ สีหน้าตื่นตะลึงพรึงเพริดของบุรุษทุกคนในที่นี้นางประจักษ์แก่สายตา ทว่ามีเพียงใบหน้าของต้วนฉางยวนที่มั่นคงเคร่งขรึม นอกจากยิ้มบางแล้วก็ไม่มีท่าทีตกตะลึงแต่ประการใด มองถึงความคิดลึกๆ ในใจเขาไม่ออก
นางมั่นใจในตนเอง เชื่อว่าต้วนฉางยวนนั้นเสแสร้ง ก็เหมือนกับยามที่นางหวั่นไหวในใจเมื่อเห็นเขาเป็นครั้งแรก แต่ภายนอกต้องวางท่าสงบนิ่งเรียบเฉย
ไม่เสียแรงที่เป็นบุรุษรูปงามแห่งยุทธภพ ใบหน้าหล่อเหลา ทุกอิริยาบถและกลิ่นอายไม่ธรรมดาที่แผ่ซ่านออกมาล้วนทำให้จิตใจของนางหวั่นไหว มิน่าสตรีมากมายในยุทธภพต่างเฝ้าคะนึงถึงเขา
หากตนครองใจบุรุษผู้นี้ได้ถือว่าเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจยิ่ง
อิงเสวี่ยหรงแอบลั่นสาบานกับตนเองเงียบๆ ว่าจักต้องทำให้ต้วนฉางยวนลุ่มหลงจนกลายเป็นบุรุษใต้อาณัติของนางให้จงได้ และเพื่อเป้าหมายนี้นางวางแผนอย่างรอบคอบไว้เรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณประมุขต้วน ท่ามกลางการงานเป็นร้อยยังยอมมาพบเสวี่ยหรง” อิงเสวี่ยหรงแสดงสีหน้าซาบซึ้งเจ็ดส่วน สีหน้าละอายใจสามส่วน
“แม่นางอิงเกรงใจแล้ว มิทราบว่าแม่นางอิงนัดข้าน้อยมา มีเรื่องสำคัญอันใด”
อิงเสวี่ยหรงช้อนสายตาขึ้น ขนตายาวงอนขับให้เนตรงามคู่นั้นดังจันทราดารากระจ่าง น้ำเสียงที่จงใจดัดให้อ่อนนุ่มแฝงไว้ด้วยความไพเราะเสนาะโสตดั่งเสียงดนตรีอันละมุนละไม
“ไม่คิดปิดบัง เสวี่ยหรงมารบกวนประมุขต้วนด้วยเรื่องโจรร้ายทางเจียงเป่ย*”
ต้วนฉางยวนเอ่ยอย่างเป็นงานเป็นการ “แม่นางอิงเชิญกล่าว”
อิงเสวี่ยหรงเล่าว่าเนื่องจากทางเขตเจียงเป่ยประสบภัยแล้งมานานปี พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้น้อย ชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรลำบากแสนเข็ญไม่อาจอยู่เย็นเป็นสุข โจรผู้ร้ายจับชาวบ้านไปขายเป็นทาส ขณะที่นางสาธยายยังแสดงสีหน้าท่าทางทุกข์ใจอย่างประจวบเหมาะแก่เวลา ดวงตาคลอด้วยน้ำตาประหนึ่งว่าจะหยาดหยดลงมาได้ทุกเมื่อ ทำเอาบุรุษที่อยู่ในสถานที่นั้นต่างทำหน้าประทับใจ มีเพียงต้วนฉางยวนที่ดื่มสุราอย่างเงียบเชียบ ไม่ปรากฏความยินดียินร้ายหรืออารมณ์ใดๆ บนใบหน้า
* เจียงเป่ย คือคำเรียกที่ราบลุ่มแม่น้ำทางด้านเหนือของแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ปัจจุบันคือมณฑลเจียงซูและอันฮุย