ถึงอวิ๋นเกอจะนึกชื่นชมบุคลิกลักษณะของอีกฝ่าย แต่เพราะนางตระเวนเดินทางร่วมกับท่านพ่อท่านแม่ไปทั่วหล้าตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะคนประหลาดเหตุการณ์แปลกๆ เช่นไรนางล้วนเคยพบเห็นมาแล้วทั้งสิ้น สาเหตุที่นางจ้องมองชายหนุ่ม นั่นก็ด้วยเพราะในใจนางรู้สึกหวนประหวัดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอย่างประหลาดก็เท่านั้น
ราวกับยามออกเดินทางท่องเที่ยว จู่ๆ ก็เห็นทัศนียภาพบางอย่าง ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่คุ้นตา แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกราวกับเคยมาเยี่ยมเยือนยามหลับฝัน
อวิ๋นเกอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ว่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก นางจึงได้แต่ปล่อยมันไป ก้มหน้ากินบะหมี่ในชามต่อ
เฮอะ! พี่สามบ้า เขาก็แค่นกยูงเหม็นตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่รู้เห็นคนคนนี้แล้วจะหลงตัวเองน้อยลงบ้างหรือเปล่า แต่แล้วนางก็นึกขึ้นได้ว่าพี่สามไหนเลยจะมาฉางอันได้ ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ล้วนอยู่ไกลออกไปนับพันลี้ ที่นี่มีเพียงแต่นางผู้เดียว ลำพังคนเดียวเท่านั้น…
ชายหนุ่มยิ้มถามอวิ๋นเกอ “ข้านั่งตรงนี้ได้หรือไม่”
อวิ๋นเกอกวาดตามองไปรอบๆ ร้าน ต่อให้ไม่มีที่ว่าง แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะมาขอนั่งร่วมโต๊ะกับนาง
ตรงนั้นมีโฉมสะคราญนางหนึ่ง ยังมีสตรีหน้าตาสะสวยวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งกระโน้นก็จ้องมองดูเขาอยู่! ทั้งๆ ที่เขาสามารถไปร่วมโต๊ะกับพวกนางได้ แล้วไฉนถึงเลือกมานั่งร่วมโต๊ะกับคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบสกปรกเช่นนางเล่า
“ตอนกินข้าวมีคนจ้องมอง ไม่ว่าอาหารจะอร่อยสักเพียงใด รสชาติย่อมต้องกร่อยลงด้วยกันทั้งสิ้น” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นราวกับอ่านใจนางได้ ถึงหว่างคิ้วจะแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกจนใจ แต่รอยยิ้มกลับอบอุ่นราวแสงตะวันเดือนสาม
เพราะตลอดการเดินทางนางเอาแต่แต่งกายด้วยชุดขอทานทำให้ถูกผู้คนดูแคลนอยู่เสมอ แต่ในเวลานี้ชายหนุ่มกลับทำเหมือนนางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นเลิศ ดังนั้นอวิ๋นเกอจึงอดรู้สึกดีด้วยไม่ได้ นางพยักหน้าน้อยๆ ให้อีกฝ่าย
ชายหนุ่มประสานมือขอบคุณก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
ยามสายตาของผู้คนทั้งร้านหยุดรวมกันอยู่บนร่างนาง อวิ๋นเกอก็เริ่มนึกเสียใจที่ดันยอมให้ชายหนุ่มนั่งร่วมโต๊ะด้วย
แต่ว่านึกเสียใจเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว อดทนไปเถอะ!
เถ้าแก่เจ้าของร้านยกเอาชามที่งดงามไม่เข้ากับบรรยากาศในร้านออกมา แผ่นเนื้อในชามมีจำนวนมากกว่าและดีกว่าของลูกค้าคนอื่น เส้นบะหมี่ก็มีจำนวนมากกว่าด้วย กลิ่นหอมแตะจมูกบอกให้อวิ๋นเกอรู้ชัดว่าบะหมี่ชามนี้รสชาติยอดเยี่ยมกว่าของตัวเองมากมายนัก
อวิ๋นเกอถอนหายใจหนักหน่วง นี่สินะอานุภาพของความงาม! ไม่ได้มีเพียงสตรีรูปร่างหน้าตางดงามเท่านั้นที่ได้เปรียบ แม้แต่บุรุษเองก็เช่นกัน
เห็นอวิ๋นเกอชำเลืองดูบะหมี่ในชามของเขาไปพลางกลืนบะหมี่ในชามตนเองด้วยความยากลำบากไปพลาง ชายหนุ่มก็ยิ้มอบอุ่นพร้อมเลื่อนชามบะหมี่มาตรงหน้านาง “แบ่งไปครึ่งหนึ่งสิ”
อวิ๋นเกอไม่เกรงใจ นางคีบบะหมี่ครึ่งหนึ่งจากชามของอีกฝ่ายมาใส่ชามตนเอง
“ข้าชื่อเมิ่งเจวี๋ย เมิ่งตัวเดียวกับนามของเมิ่งจื่อ และเจวี๋ยที่หมายถึงราชันในหมู่หยก”
อวิ๋นเกอที่กำลังก้มหน้าก้มตาตั้งอกตั้งใจกินบะหมี่ตะลึงไปชั่วขณะกว่าจะเข้าใจว่าชายหนุ่มกำลังแนะนำตัวเองอยู่ นางได้แต่พูดอู้อี้ บะหมี่อัดแน่นอยู่ในปาก “ข้าชื่ออวิ๋นเกอ”
พอกินบะหมี่หมด อวิ๋นเกอก็ถอนหายใจพูด “กระดูกหางวัว พุทราไหมทอง ขิง ใส่ในหม้อดินเหลือง ปิดฝาตุ๋นสามวันจนไขกระดูกละลายเข้าสู่น้ำแกง แม้วัตถุดิบจะไม่ดีเลิศ เลือกใช้เนื้อของวัวที่ค่อนข้างแก่ แต่วิธีทำนับได้ว่าไม่เลว”
เมิ่งเจวี๋ยคีบบะหมี่ พยักหน้ายิ้ม เหมือนกำลังชื่นชมรสชาติบะหมี่เช่นกัน