“น่าจะใช่แล้วนะ”
รถแล่นเข้าสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดในบรรดาเทือกเขาบริเวณนั้น มองจากทางฝั่งซ้ายมือที่เป็นหุบเหวจึงเห็นเส้นทางคดเคี้ยวที่ได้เดินทางผ่านมาอยู่ไกลลิบโน่น สองฟากฝั่งที่เคยมีแต่ป่าก็เริ่มกลายเป็นชุมชนเล็กๆ ซึ่งอยู่กันอย่างเรียบง่าย เนื่องจากเป็นพื้นที่สูง สวนของชาวบ้านตามไหล่เขาจึงมีทั้งสวนชาพันธุ์อัสสัมที่ทางภาคเหนือใช้ทำเมี่ยงและสวนลูกพลับ เป็นต้น
ถนนสายนั้นสิ้นสุดที่วัดซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางพอดิบพอดี รถแล่นผ่านซุ้มประตูที่กำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ กลับคล้ายดั่งแบ่งแยกโลกอันสับสนวุ่นวายไว้ภายนอก คงเหลือเพียงความสงบเงียบและบรรยากาศแสนร่มรื่น จิตใจของรัตน์สิกาที่มีแต่ความว้าวุ่นอยู่ตลอดเวลาพลันสงบลงได้อย่างน่าประหลาด
ยานพาหนะจอดลงตรงลานวัดที่กว้างขวาง ร่างในชุดขาวทั้งสองร่างจึงก้าวลงจากรถ
เบื้องหลังเป็นทางเข้าวัดที่ผ่านเข้ามา ขวามือคือตำแหน่งของวิหารหลังเล็กเก่าคร่ำคร่า ลึกเข้าไปด้านหลังวิหารเป็นเขตที่ตั้งของกุฏิพระสงฆ์ ส่วนเบื้องหน้า…ตรงกันข้ามกับที่สองสาวยืนอยู่ตอนนี้มีต้นโกสนปลูกเรียงราย บดบังอาคารสีขาวขุ่นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเรือนพักหลังเล็กอันเป็นที่พำนักของผู้มาปฏิบัติธรรม
ถือได้ว่าเป็นสถานที่อันสงบเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างมาก จิตตาเหลียวมองโดยรอบก็รู้สึกชอบใจในความเงียบสงบขึ้นมาทันที
“ใบบุญ…ฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมแกถึงศรัทธาวัดนี้”
หญิงสาวร่างบางยิ้มรับถ้อยคำนั้น แล้วจึงเดินนำทางเพื่อนไปอย่างคนคุ้นเคยสถานที่…
เมื่อเดินตัดผ่านอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปทางด้านหลังก็พบกับโรงครัวของวัด มีแม่ชีทั้งวัยกลางคนและสูงวัยอยู่สามท่าน เนื่องจากใกล้เวลาเพลแล้วจึงกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหารให้พระสงฆ์ หญิงสาวทั้งสองแจ้งความจำนงให้ทราบ แม่ชีผู้สูงวัยที่สุดในกลุ่มจึงวางจานชามที่อยู่ในมือลงแล้วก้าวออกมาคุยกับผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างมีเมตตา
“เดี๋ยวรอพระฉันเพลก่อนแล้วค่อยรับศีลละกันนะลูก” อีกฝ่ายรับคำอย่างนอบน้อม ท่านจึงกล่าวต่อ “แล้วมีดอกไม้ธูปเทียนมารึยังล่ะ”
“เอ่อ…ยังเลยค่ะ” ผู้อ่อนวัยพากันตอบเสียงอ่อย
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่จะหาให้แล้วกัน”
แม่ชีสูงวัยยืนหันรีหันขวางเตรียมจะไปหาสิ่งของมาให้ แต่ก็ลังเลเพราะกังวลเรื่องอาหารที่ยังจัดเตรียมไม่เสร็จ เมื่อเห็นว่าห่างออกไปไม่ไกลนักมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินผ่านจึงเรียกหาคนคนนั้นแทน
“ศีล…มาทางนี้หน่อย”
รัตน์สิกาหันไปตามผู้สูงวัย…หรี่ตามองฝ่าแสงแดดอันเจิดจ้าของยามเพล เห็นร่างสูงสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์หยุดยืนอยู่ห่างออกไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาตามเสียงเรียก เธอจึงสามารถมองเห็นชายผู้มีใบหน้าที่จัดได้ว่าดูดีคนหนึ่ง…แต่ออกจะดูดีแบบแปลกๆ ด้วยริมฝีปากบางเฉียบ สันจมูกโด่งหนา ดวงตาทั้งคู่มีลักษณะเรียวรี ทว่านัยน์ตากลับฉายแววคมกล้านัก…จัดจ้าดั่งประกายของเพชรที่สะท้อนแสงออกมา
ด้วยคิ้วเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตาบวกกับประกายตานั้นแล้วจึงกลบเครื่องหน้าทุกอย่างไปเสียสิ้น หากมองจับจุดเป็นชิ้นๆ ไปอาจไม่ได้ดูดีสักเท่าไหร่ แต่พอมันมารวมอยู่บนใบหน้านี้แล้วกลับดูลงตัวอย่างน่าแปลกประหลาด
ร่างสูงเปี่ยมรัศมีบางอย่างที่คนมองต้องระย่นย่อ เป็นคนแบบที่ว่า…เมื่อได้รู้จักแล้วจะไม่มีใครจดจำเขาไม่ได้อย่างแน่นอน หญิงสาวรู้ดีว่าเธอกับเขาย่อมไม่เคยพบกันมาก่อน ทว่า…ยิ่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดทั้งมวลล้วนสูญสิ้นไป สิ่งต่างๆ รอบกายถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกจางๆ ที่โดดเด่นที่สุดในคลองจักษุมีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้น!