“ใช่ค่ะ คนนั้นแหละที่หนูเคยโทรมานินทา เอ๊ย…เคยเล่าให้ฟัง”
“ดูท่าจะหน้าตาดีเนอะ ขนาดแม่มองจากระเบียงไกลๆ ก็ยังรู้สึกถึงออร่าความหล่อเลย” สายตาของผู้พูดมองมาอย่างมีนัย คนถูกมองจึงต้องรีบเบรกอีกฝ่ายดังเอี๊ยด
“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยค่ะแม่ คนนี้สร้างกำแพงน้ำแข็งสูงลิบล้อมรอบตัวเอาไว้ ที่สำคัญคือเขาบอกว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน หนูยังไม่อยากเป็นมารผ้าเหลืองหรอก” แปลกที่น้ำเสียงของเธอติดจะประชดเล็กน้อยจนเจ้าตัวยังแอบตกใจเล็กๆ
นางขจีจึงเปลี่ยนเป็นถามไถ่บุตรสาวว่า
“แล้วนี่กินข้าวกินปลามารึยังล่ะลูก”
“ยังเลยค่ะ มีอะไรกินบ้างคะเนี่ย” รัตน์สิกาบอกอย่างออดอ้อน
“หายไปซะนานนึกว่าจะลืมกับข้าวฝีมือแม่ซะแล้ว”
“ใครจะไปลืมได้ล่ะคะ คิดถึงอาหารแซ่บๆ ของครัวขจีโภชนานี้จะแย่”
หญิงวัยกลางคนจึงจับจูงลูกสาวคนเดียวไปยังห้องอาหาร ซึ่งพอรู้ว่าลูกจะกลับมาวันนี้ก็ได้ตระเตรียมทำกับข้าวรอไว้หลายอย่าง หญิงสาวซัดจนอิ่มแปล้ให้สมใจอยากก่อนจะรีบขึ้นห้องไปอาบน้ำพักผ่อน
กว่าจะอาบน้ำสระผมเป่าไดร์ให้แห้ง เวลาก็ล่วงเลยจนดึกดื่นค่อนคืนแล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งกว่าปกติทั้งที่ตอนนั่งรถมาหลับไปตั้งหลายงีบแต่ก็ยังรู้สึกนอนไม่พออยู่ดี หัวสมองมึนชา ร่างกายหมดเรี่ยวแรง จนเมื่อเดินไปทิ้งตัวลงที่เตียงด้วยสภาพหนังตาแทบจะปิด พอหัวถึงหมอนก็คล้ายสลบไปในทันที
…โดยลืมที่จะสวดมนต์ก่อนนอนอย่างที่ได้ปฏิบัติในหลายวันมานี้…
เสียงหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอดังขึ้น ด้วยเจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงหลับลึกจึงไม่ทราบเลยว่าภายในห้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง…
หมอกควันสีดำพัดผ่านเข้ามาในห้อง เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ แล้วก่อเป็นรูปร่าง ทว่าไม่เห็นรายละเอียดอื่นใดนอกจากความมืดทะมึน เงาดำนั้นทาบทับบนตัวหญิงสาวคล้ายกำลังก้มลงมองบุคคลที่อยู่ในห้วงนิทรา
เสียงหัวเราะปริศนาดังขึ้นมาเบาๆ
“ฮิๆๆ…”
รัตน์สิกาตื่นมาพร้อมกับอาการความดันต่ำ เมื่อลุกจากเตียงก็ซวนเซเพราะรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที
“นึกว่าจะหายแล้วซะอีก” เจ้าตัวบ่นพึมพำกับตนเองเพราะไม่เกิดอาการเช่นนี้นานแล้ว ตั้งแต่ตอนไหนนะ…อาจจะเป็นช่วงที่ไปบวชแล้วสุขภาพร่างกายก็ดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือเพราะได้รับอากาศดีๆ จากพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณบัวทิพย์ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าเขา
“แหม…ทีตอนไปอยู่บ้านคนอื่นล่ะไม่เห็นเป็นอะไร ตื่นมาลั้ลลาได้ตั้งแต่เช้า พอต้องไปทำงานดันมาหน้ามืด”
ระหว่างที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันชัชพลก็โทรมาสอบถามเรื่องการเดินทางแล้ว เธอจึงบอกเส้นทางอย่างละเอียด อีกฝ่ายทบทวนแผนที่ที่วาดขึ้นในสมอง คิดว่าพอจะไปถูกแล้วจึงวางสายไป
มีบางอย่างเล็กๆ ที่สะกิดใจให้หญิงสาวรู้สึกห่วงพะวงกับผ้าซึ่งอยู่ในการดูแล หากก็เดาว่าเป็นเพราะคำพูดของชายหนุ่มเมื่อวันก่อนที่กดดันจึงเดินไปเปิดหีบไม้แกะสลักใบย่อมๆ ซึ่งภายในบรรจุผ้าซิ่นวางพับทบซ้อนกันอยู่ มือเรียวพลิกดูผ้าโดยคร่าวก็พบว่าครบถ้วนเป็นปกติดี
เสียงถอนหายใจของร่างบางดังขึ้น พร้อมๆ กับที่เสียงของนางขจีแว่วมา
“ใบบุญ กับข้าวเสร็จแล้วนะลูก”
“ค่ะแม่…เดี๋ยวลงไปค่ะ” เธอตะโกนตอบกลับแล้วจึงปิดฝาหีบด้วยความโล่งใจ
คล้อยหลังของร่างบางเพียงครู่ ฝาหีบไม้ซึ่งแกะสลักเป็นลวดลายเครือเถาค่อยๆ เปิดแง้มขึ้นเล็กน้อย
บังเกิดเสียง ‘ฉ่า…’ พร้อมควันสีเทาล่องลอยออกมา กลิ่นเหม็นไหม้กรุ่นกำจายก่อนจะสลายไปในอากาศ
ฝาหีบงับลง แว่วเสียง ‘แอ๊ด…’ เพียงแผ่วเบา
ครู่เดียว…ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบนิ่ง ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย
โปรดติดตามตอนต่อไป…