“พาเพื่อนมาแอ่วครับ เปิ้น** อยากเห็นวิธีการทอผ้า ผมก็เลยพามาหาป้าพินช่างทอผ้ามือหนึ่งของอำเภอเฮา”
ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบพูดมากเขาจึงไม่อยากเล่าเท้าความให้ยืดยาว ฟากหญิงสาวที่ถูกพามานั้นกลับนิ่งค้างเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเขา ‘อู้คำเมือง’ จึงอดแปลกใจไม่ได้ แล้วก็ยิ่งแปลกใจตัวเองเข้าไปอีกเมื่อรู้สึกว่าเวลาที่ชายหนุ่มพูดแบบนั้นแล้วดูน่ารักอยู่ไม่น้อย ราวกับว่าคนตรงหน้ากับคำพูดคำจาแบบนี้นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของเขา
“ใบบุญ นี่ป้าพินคนทอผ้าตีนจกลายที่คุณถูกใจนักหนาไง คนสุดท้ายที่ทอเป็นก็คือป้าพินนี่แหละ จนตอนหลังผ้าทอพื้นเมืองได้รับความนิยมมากขึ้น เลยเริ่มมีการหันมาศึกษาลายผ้านี้เพิ่ม”
ร่างบางพยายามขับไล่ความคิดที่กระจัดกระจายแล้วตั้งใจฟัง ในขณะที่หญิงวัยกลางคนส่งยิ้มกว้างราวกับยิ้มออกมาด้วยหัวใจของนาง
“คุณศีลก็อู้เกินไป ช่างทอมือหนึ่ง…เกินไปละ”
ผู้มาเยือนทั้งสองหย่อนตัวลงนั่งบนตั่งไม้โดยที่ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเลี้ยวเข้าประตูบ้านมา เธอสวมเสื้อแขนสั้นเก็บชายเสื้อไว้ในผ้าซิ่นที่แม้ไม่ได้มีลวดลายอลังการแต่ก็ดูสวยสมวัย น้อยครั้งที่จะเห็นวัยรุ่นแต่งตัวแบบนี้ในชีวิตประจำวัน รัตน์สิกาจึงให้ความสนใจไปที่ผู้มาใหม่
“น้องน้ำมิ้นมาพอดี วันนี้บ้านนี้หยังมาครึกครื้นแต๊ว่า” ป้าพินเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน เด็กสาวยกมือไหว้ทุกคนด้วยกิริยามารยาทเรียบร้อยอย่างน่าชื่นชม หากชายหนุ่มหนึ่งเดียวในที่นั้นมีท่าทีอึดอัดใจขึ้นมาทันที
“บ่นึกว่าวันนี้อ้ายศีลจะมา น้ำมิ้นจะได้เยียะขนมไปฝากยายบัวทิพย์โตย” น้ำเสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้วเป็นธรรมชาติ หากอีกฝ่ายกลับไม่ตอบคำอะไร
รัตน์สิกาคิดว่าชัชพลมักจะทำหน้าเป็นน้ำแข็งใส่เธอ แต่กับสาวน้อยคนนี้เขากลับเป็นน้ำแข็งทั้งตัว! ขนาดเธอนั่งข้างๆ ยังรู้สึกหนาวเย็นยะเยือก แต่ดูท่าสาวร่างเล็กคนนั้นจะไม่รู้ตัวเลยเพราะยังคงส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้
“ชื่อใบบุญแม่นก่อ* มานั่งนี่มา มีอะหยังก็ถามได้เน้อ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับคำพลางพยายามกลั้นยิ้ม รู้สึกอยากจะหัวเราะลั่นแต่ก็กลัวคนตัวโตจะสาดพลังน้ำแข็งใส่เธอด้วย หลังจากย้ายไปนั่งข้างกายป้าพินก็พบว่าพออยู่มุมนี้แล้วยิ่งเห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในขณะที่น้ำมิ้นเดินไปหย่อนตัวลงนั่งขนาบข้างแม่ครูของตน เนื่องด้วยเป็นทำเลที่เห็นหน้าของคนที่หมายปองได้ดีที่สุด
“นี่น้องน้ำมิ้นบ้านอยู่ข้างๆ มาเฮียนทอผ้าตีนจกกับป้า ยังมีคนรุ่นใหม่ชอบผ้าทออย่างอี้ป้าก่** ดีใจ๋” ประโยคนั้นบอกกับรัตน์สิกา คนฟังพยักหน้ารับแล้วหันไปยิ้มให้เด็กสาวที่แม้จะสงสัยในความเป็นมาของเธอแต่ก็ยิ้มให้ตามมารยาท หากเพียงครู่เดียวก็หันไปส่งสายตาให้ชายหนุ่มต่อ
หญิงสาวส่งยิ้มล้อเลียนให้ชัชพล…นั่งได้ก้นยังไม่ทันอุ่นด้วยซ้ำเขาก็ผุดลุกขึ้น
“เดี๋ยวผมจะไปเยี่ยมแม่อุ๊ยคำ คุณอยู่ที่นี่ก่อนนะ เชิญคุยกับป้าพินตามสบาย…ผมฝากโตยเน้อป้า กำเดียว*** มา” ท้ายประโยคเขาหันไปบอกกับผู้เป็นเจ้าบ้านแล้วก้าวยาวๆ จากไป
“อ้าว ทิ้งกันแบบนี้ได้ไงคุณ” เธอได้แต่ตะโกนตามหลังเพราะอีกฝ่ายพูดจบก็หมุนตัวเดินอาดๆ ไปแล้ว
“บ่เป็นหยัง บ้านแม่อุ๊ยคำอยู่ใกล้ๆ นี้เอง ก็บ้านอุ๊ยของน้องน้ำมิ้นนี่แหละ อุ๊ยคำกับบัวทิพย์เปิ้นสนิทกัน คุณศีลก็เลยสนิทกับอุ๊ยคำโตย…ได้ยินว่าหนูชอบลายผ้าตีนจกของหมู่บ้านเฮาเป็นพิเศษกา” หญิงวัยกลางคนชวนคุย เธอจึงละความสนใจจากชัชพลมาคุยด้วย ในขณะที่น้ำมิ้นได้แต่มองตามร่างสูงตาละห้อยก่อนจะลุกไปนั่งอยู่หน้ากี่ทอผ้าอีกหลังหนึ่ง
** เปิ้น เป็นคำสรรพนามบุรุษที่สาม
* แม่นก่อ แปลว่าใช่ไหม
** ก่ แปลว่าก็
*** กำเดียวแปลว่า แป๊บเดียว