ตอนที่นางหลับสนิท เขาได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบ พบว่าหญิงผู้นี้ถูกจับตัวมาจากดินแดนตะวันออกเฉียงใต้จริง มีหลายคนบอกกับเขาว่าหญิงผู้นี้ก่อนขึ้นเรือมานางพักอาศัยอยู่ในกระท่อมในหมู่บ้านของพวกเขาอยู่สองวัน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมาจากที่ใด
ซื่อเหรินฉวีประหลาดใจมาก ทางตอนใต้ของดินแดนฉู่มีชาวไป่เยวี่ยอยู่ปะปนกัน เพียงมีภูเขากั้นขวางไม่กี่ลูกก็พูดภาษาต่างกันแล้ว แต่นางพูดภาษาซูและหยางเยวี่ยไม่ได้ แต่กลับพูดภาษาฉู่ได้เล็กน้อย ยังรู้จักตัวหนังสือ ซื่อเหรินฉวีขมวดหัวคิ้ว คนที่รู้จักหนังสือล้วนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หญิงผู้นี้ที่แท้แล้วเป็นใครกันแน่
“โม่” เขาเดินไปเบื้องหน้านาง ร้องเรียกออกไปคำหนึ่ง
เชียนโม่มองคนท่าทีสุภาพอ่อนโยนผู้นี้อย่างระแวดระวัง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงผงกศีรษะน้อยๆ
ซื่อเหรินฉวียิ้มแล้วว่า “แรงงานหญิงโม่ เจ้ามาจากที่ใด”
คำถามนี้อีกแล้ว
เชียนโม่ได้แต่ตอบเสียงจืดชืด “ทางใต้”
“ที่ใดของทางใต้”
“ทางใต้”
ซื่อเหรินฉวีไร้คำพูด เห็นหญิงผู้นี้พูดได้ไม่มาก จำต้องถามต่อ “มีสกุลต้นสกุลสาย** หรือไม่”
คำพูดนี้เชียนโม่ฟังเข้าใจแล้ว สกุลต้นสกุลสายในยุคนี้ใช่ว่าจะมีกันทุกคน อีกทั้งถ้าอยากจะรู้ความเป็นมาและวงศ์สกุลของคนผู้หนึ่ง ขอเพียงถามถึงสกุลต้นสกุลสายให้แน่ชัดก็จะรู้ได้
เชียนโม่เหงื่อตก ถิ่นที่เธอเกิดและเติบโต หากอยู่ในสมัยโบราณก็คือแคว้นฉู่ แต่เมืองแห่งนั้นต่อให้มีตัวตนอยู่ที่นี่ ชื่อก็ไม่ถูกต้อง ต่อให้ชื่อถูกต้องก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะหาสำมะโนครัวพบ แต่เธอก็คิดแต่งเรื่องไม่ออก ได้แต่ตอบว่า “หลิน”
“หลิน” ซื่อเหรินฉวียิ่งประหลาดใจ ใต้หล้าไม่มีสกุลต้นหลิน มีแต่สกุลสายหลิน เท่าที่ซื่อเหรินฉวีรู้ ใต้หล้ามีสายสกุลย่อยหลินอยู่สองสาย สายหนึ่งมาจากปี่กาน* ซึ่งเป็นคนในราชวงศ์ซาง อีกสายหนึ่งมาจากพระโอรสของโจวผิงหวัง**
“เจ้ามาจากจงหยวนเช่นนั้นรึ” เขารีบถามต่อ
เชียนโม่กะพริบๆ ตา ไม่เข้าใจ
ซื่อเหรินฉวีรู้สึกว่าในที่สุดตนก็เข้าใจแล้ว มิน่าหญิงผู้นี้พูดภาษาต่างๆ แถบตะวันออกเฉียงใต้ไม่ได้ ภาษาฉู่ก็ไม่ชำนาญ ที่แท้ก็เกิดที่จงหยวน เพียงแต่นางบอกทิศทางผิดไป เอาเหนือเป็นใต้
ภาษาฉู่ของเชียนโม่ใช้การไม่ค่อยได้ ไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านี้ ซื่อเหรินฉวีได้รับคำตอบแล้วจึงไม่ถามต่อ น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเคารพขึ้นมาหลายส่วน “เจ้าพักผ่อนก่อน หากต้องการอะไรก็สั่งคนรับใช้ได้”
เชียนโม่รู้สึกว่าคนผู้นี้สุภาพอ่อนโยนมาก เห็นเขาจะไปก็รีบบอก “ช้าก่อน”
ซื่อเหรินฉวีมองนาง
“ข้า” เธอคิดหาถ้อยคำ พูดขึ้นเบาๆ “จะตายหรือไม่”
** คนจีนสมัยโบราณแบ่งนามสกุลออกเป็น 2 แบบคือซิ่ง (姓) ในที่นี้เรียกว่าสกุลต้น เป็นสกุลที่สืบเชื้อสายจากมารดา มาจากบรรพบุรุษเดียวกัน และซื่อ (氏) ในที่นี้เรียกว่าสกุลสาย เป็นการแตกแขนงมาจากสกุลต้น ซึ่งอาจมาจากสกุลของบิดา มาจากชื่อแคว้น ชื่อเมืองศักดินา หรือตำแหน่งขุนนางก็ได้
* ปี่กาน (1125-1063 ปีก่อนคริสตศักราช) เป็นอัครเสนาบดีผู้ซื่อสัตย์ของกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซาง
** โจวผิงหวัง (780-720 ปีก่อนคริสตศักราช) เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว