เรื่องที่หมางพูดกับเธอเมื่อคืนวนเวียนอยู่ในใจของเธอตลอดเวลา
เชียนโม่แม้จะแทบทนรอไม่ไหว แต่ก็เป็นกังวลมาก พวกเธอคิดจะหนี แต่ทหารรักษาการณ์ที่นี่ก็มีไม่น้อย การปะทะกันเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงได้ยาก
นี่…คงพอจะนับได้ว่าเป็นการก่อการปฏิวัติตามที่เล่าลือกันมากระมัง เชียนโม่เพียรค้นหาความทรงจำในสมองอย่างหนักเกี่ยวกับข้อมูลของภูเขาถงลวี่ที่เธอเคยอ่านมา แต่กลับจำไม่ได้ว่ามีจุดไหนที่พูดถึงเรื่องทาสลุกขึ้นมาต่อต้าน
ตอนเธอไปตระเวนส่งน้ำให้ทั่วถึง เห็นทาสหลายคนกำลังแอบจัดเตรียมอาวุธ…ลูกศรที่ทำจากไม้ไผ่ ยังมีขวานหิน ดาบหิน แม้จะง่ายๆ หยาบๆ แต่ก็คมมาก หากจะฟันลงไปบนร่างคนให้เป็นแผลก็ไม่มีปัญหาแน่นอน
พวกอาหมู่ก็เห็นชัดว่ารู้เรื่องนี้ดี ทุกครั้งยามรอบด้านไร้ผู้คน พวกนางก็จะพูดคุยกันเบาๆ เชียนโม่พอฟังเข้าใจ พวกนางเฝ้าหวังว่าจะได้กลับไปหยางเยวี่ย
แผนการหลบหนี หมางเป็นคนกำหนดแต่เพียงผู้เดียว ช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่ถงซาน เปรียบกับทุกคนแล้วดูเหมือนจะยาวนานที่สุด รู้ว่าจุดไหนเปราะบางที่สุด ช่วงเวลาไหนดีที่สุด
เสียดายช่วงนี้ฉู่หวังเสด็จมาที่ถงซาน พาทหารมาด้วยจำนวนมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อพวกเธอ
โชคดีที่วันถัดมาจู่ๆ ราชรถของฉู่หวังและขบวนทหารก็ไปจากถงซาน สอบถามคนที่ไปทำงานในค่ายบัญชาการก็ได้ความว่าฉู่หวังเดินทางกลับนครอิ่งตูแล้ว
เชียนโม่รู้ โอกาสที่ว่าอยู่ไม่ไกลแล้ว
ดินฟ้าอากาศปลอดโปร่งแจ่มใส
ฉู่หวังนั่งอยู่บนรถม้า นัยน์ตาทั้งสองมองไปยังที่ไกล ออกจากถงซานมาได้ครึ่งวันแล้ว ทัศนียภาพรอบด้านไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก หมอกสลายไป ป่าเขาสายน้ำลำธารก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา
เขาหลับตาลงพักสายตา เรื่องต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมอง ชนเผ่าหรงอี๋แต่ละทิศ แคว้นต่างๆ ยังมีวงศ์สกุลสูงศักดิ์ต่างๆ ในแคว้น…
‘…บ้านเมืองสายน้ำผืนแผ่นดิน ขอมอบไว้กับเจ้า…’ คำสั่งเสียก่อนสิ้นลมของพระบิดายังดังอยู่ข้างหู
‘…ฉู่เฉิงหวังสังหารพี่ชายช่วงชิงตำแหน่งขึ้นเป็นหวัง ก็เพื่อระบบการสืบสันตติวงศ์ ฉู่มู่หวังสังหารบิดาแย่งชิงตำแหน่ง ก็เพื่อระบบการสืบสันตติวงศ์ เห็นได้ว่าระบบการสืบสันตติวงศ์นี้ ยอมรับเพียงผู้ชนะเท่านั้น’ คำพูดที่กงจื่อเซี่ยพูดกับเขาเมื่อสองปีก่อนผุดขึ้นมาในสมองเสมอ
‘สยงหลี่ว์! เจ้าสังหารขุนนางใหญ่ตามอำเภอใจ ไม่กลัวเวรกรรมตามสนองหรือ’
…
ลมพัดมา กระดิ่งทองแดงที่ห้อยอยู่ใต้ชายคาไม้นอกห้องโดยสารในเรือดังขึ้นเบาๆ
ฉู่หวังลืมตาขึ้น ถึงได้พบว่าตนถึงกับเผลอหลับไป เขาดื่มน้ำไปคำหนึ่ง เอาแผ่นไม้ไผ่ที่ถืออยู่ในมือมาตลอดโยนลงบนโต๊ะ ฉับพลันนั้นก็ได้ยินเสียงเบาๆ เสียงหนึ่ง คล้ายเสียงเข็มเงินตกลงพื้น
เขาก้มหน้ามอง แล้วก็เห็นที่พื้นเรือมีสิ่งของชิ้นเล็กๆ สีดำชิ้นหนึ่งหล่นอยู่
ฉู่หวังเก็บขึ้นมามองดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงนึกขึ้นได้ นี่เป็นที่ติดผมที่ตนปลดมาจากเส้นผมของแรงงานหญิงโม่ผู้นั้น
หัวสมองพลันปลอดโปร่งขึ้น
เขานึกถึงภาพหญิงคนนั้นจ้องมองเขาด้วยแววตาหวั่นหวาด ปานประหนึ่งเขาเป็นน้ำเหนือที่ไหลบ่า เป็นสัตว์ที่ดุร้ายเช่นนั้น