บทที่ 2…เพลงพิณ พิริยศิลป์…ตัวแสบ…และเครื่องกำจัดอาหาร
“ดิบ มันดิบมากกก…มากเกินไป”
เพลงพิณบ่นออกมาอย่างเหลืออด มือเล็กเรียวคว้าชิ้นมะม่วงในจานมาจิ้มน้ำปลาหวาน โดยพยายามช้อนกุ้งแห้งตัวโตกับชิ้นหอมแดงซอยเข้ามาด้วยกันเพื่อเพิ่มรสชาติ
เพลินพิศ ผู้เป็นพี่สาวฝาแฝดแต่เกิดจากไข่คนละใบจึงหน้าตาไม่เหมือนกันหรี่ตามองน้องสาวแล้วส่ายหัว…ในจานแบนขนาดใหญ่นั้นมีทั้งมะม่วง มะกอก มะยม มะขาม พร้อมเครื่องจิ้ม ทั้งกะปิ น้ำปลาหวาน และพริกกะเกลือ ไม่รู้ว่าเพลงพิณกินเข้าไปได้ยังไง หญิงสาวเลื่อนพานใส่การ์ดเชิญที่กำลังเขียนอยู่ให้ห่างจากโต๊ะเล็กหน้าโซฟาที่พวกเธอนั่งอยู่ ก่อนจะให้ความสนใจกับน้องสาวที่เอาแต่บ่นประโยคนี้ซ้ำๆ ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“อะไรดิบ…มะยมเหรอ”
เพลงพิณค้อนขวับ มือที่กำลังจะหยิบชิ้นมะกอกชะงัก แล้วเปลี่ยนมาหยิบมะยมกินแทนเป็นการยืนยันว่าขนาดนี้กำลังอร่อยสำหรับเธอ “เฮ้ย อย่ามาใส่ร้ายมะยมเค้านะ นี่จากต้นบ้านฟ้าใส ลูกโตกำลังดี…อืม เยี่ยมกู้ด” คนตัวเล็กกลืนมะยมแล้วไขข้อข้องใจให้พี่สาว “…ที่เพลงว่าดิบน่ะมันไอ้งานที่เพลงรับทำให้นายริค ไอ้ฝรั่งบ้าบอที่ภูเก็ตตะหากเล่า”
เพลินพิศพยักหน้า…เพลงพิณเรียนจบหลักสูตรการออกแบบจากสถาบันชื่อดังของนิวยอร์กและกลับมาเมืองไทยได้สี่ห้าเดือนแล้ว ระยะเวลาเพียงไม่นานนี้ น้องสาวเธอลาออกจากงานถึงสามแห่งและหันมารับงานด้วยตัวเอง ซึ่งไปได้ไม่ค่อยสวย นายริคคนนี้เป็นรายล่าสุดที่ตอนแรกเจ้าตัวก็คุยฟุ้งว่าท่าจะไปด้วยดีเพราะฝรั่งสัญชาติอเมริกันเจ้าของห้องชุดในคอนโดฯ หรูที่ภูเก็ตคนนี้เปิดกว้างเรื่องงบและดูไม่เรื่องมาก
“ไหนว่าดีไง…เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีกล่ะจ๊ะ ฮึ…เขาลายออก กลายเป็นคนเรื่องมากจู้จี้ขึ้นมาหรือไง” เพลินพิศถาม ความจริงเธอมีเรื่องต้องทำอีกมาก แต่ถ้าไม่ให้ความสนใจกับเรื่องกลุ้มๆ ของน้องสาว เจ้าตัวจะเอะอะอาละวาดจนป่วนกันไปทั้งบ้าน…นี่ก็ฟึดฟัดมาตั้งแต่ที่เธอไปรับที่สนามบินเมื่อช่วงสายนี้แล้ว
เพลงพิณหักมะขามจิ้มกะปิทีเดียวครึ่งฝักแล้วเคี้ยวกร้วมๆ อย่างมันเขี้ยว “ตอนแรกก็ว่าง่าย…ไม่ง่ายได้ไง นายนั่นให้ทุบห้องจนเหลือเป็นห้องโล่งหมดเลย แบบห้องโล่งจริงๆ น่ะ พื้นก็ทำเป็นพื้นปูนเปลือยดิบๆ ผสมสีเขียวแล้วขัดมัน ผนังห้องก็เปลี่ยนใหม่ ทำเลียนแบบพื้นผิวของผาหิน ด้านหนึ่งของผนังให้ทำเป็นน้ำตกรินๆ มีพวกมอส เฟิร์นขึ้น…บ้ามาก”
“แล้วยังไงเหรอ…ฟังดู เอ่อ ก็เรียบง่าย เข้าใจง่ายนะ หรือว่าเพลงมีปัญหากับการขออนุญาตจากเจ้าของโครงการเรื่องการก่อสร้างนี่…” เพลินพิศที่ฉลาดเข้าขั้นอัจฉริยะยังคงมองไม่เห็นปัญหา
“ยังไม่ทันจะร่างแบบขออนุญาตก่อสร้างเป็นเรื่องเป็นราวกับคอนโดฯ เล้ย เพลงเพิ่งเข้าใจความต้องการอีตานายริคจริงๆ เข้าซะก่อน…ก็ แหม ห้องซื้อมาเป็นสิบล้าน วัสดุก่อสร้างอะไรก็ดี จะทุบทำม้าย เพลงก็เลยถามน่ะสิว่าจะทำเป็นห้องนอนหรือเปล่า ทำไมมันโล่งขนาดนี้ ห้องนงห้องน้ำก็ทุบ…แล้วอีตานั่นตอบว่าไงรู้มะ”
เพลินพิศตอบอย่างพาซื่อ “ไม่รู้อ่ะ” แต่พอน้องสาวตวัดตาค้อนก็เลยยิ้มประจบ ถามอย่างกระตือรือร้น “…เหรอ เขาว่ายังไงล่ะ”
สถาปนิกและนักออกแบบสาวถอนหายใจดังพรืดยาว “ก็เขาอยากให้สัญชาตญาณดิบเขาออกมามากๆ ชีวิตจะไม่มีการปรุงแต่งอะไรทั้งสิ้น ห้องเนี่ยจะโล่งอย่างที่สุด ส่วนอาบน้ำก็จะเป็นมุมหนึ่ง พวกส้วมอะไรก็จัดเป็นมุมหนึ่ง มีเตียงที่ดูดิบๆ วางอยู่กลางห้อง…ชีวิตจะอิสระไร้อะไรมากักกั้น ห้องของเขาจะไม่มีขอบเขต มีผนังอะไรทั้งนั้น…น่าขนลุกป่ะล่ะ”