แล้วเพลงพิณก็ได้รู้ว่าเอวานมีหูเรดาร์จริงๆ เพราะในอีกราวสองชั่วโมงต่อมาขณะที่เธอกำลังจะขึ้นรถซึ่งคนขับจอดรออยู่ที่ลานหน้าปราสาทเพื่อไปลงท่าเรือที่หน้าหาด คอนสแตนตินในชุดกางเกงยีนสีดำ เสื้อเชิ้ตดำก็พุ่งปราดออกมาจากห้องโถงด้านในเหมือนถูกพัดมาด้วยพายุหมุนลูกโต ด้านหลังตามมาด้วยสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในชุดเดินทาง
“จะไปไหนหา!”
เพลงพิณสะดุ้งกับเสียงปานฟ้าผ่านั่น ใบหน้าครึ้มไปด้วยเคราสั้นๆ ของนายใหญ่แห่งเกาะมิครอสแดงก่ำ ที่หน้าผากมีรอยเส้นเลือดปูดโปนดูน่ากลัว
คนที่ถูกตะคอกท่ามกลางสายตาคนนอกอีกหลายคู่รู้สึกฮึดขึ้นมาบ้าง เขาเป็นใครกันเธอถึงจะต้องกลัวหงอ “ไปซานโตรินี่”
“เอารถไปเก็บ” เสียงห้าวตวาดสั่งคนขับรถ อีกฝ่ายก็รีบไปนั่งหลังพวงมาลัยแทบไม่ทัน เพลงพิณเห็นเขาวางอำนาจขนาดนั้นก็โมโหปรี๊ด
“กล้าดียังไงมาทำกันแบบนี้ ฉันไม่ใช่นักโทษของคุณนะ ฉันจะไปไหนคุณมีสิทธิ์อะไรมาห้าม ไอ้คนบ้าอำนาจ” หญิงสาวตะเบ็งเสียงตอบ ไม่สนใจเขาอีกต่อไป ร่างบางในชุดกางเกงขาสั้นสีสด โชว์เรียวขากับเสื้อสายเดี่ยวลายจุดสีสดใสสะพายกระเป๋าผ้าก้าวพรวดๆ ตรงไปยังด้านข้างของปราสาทซึ่งเป็นที่จอดรถสองสามคันที่ใช้เดินทางระหว่างปราสาทกับท่าเรือ นึกไม่ถึงว่าคอนสแตนตินยังไม่ยอมหยุด ปราดเข้ามาหาเธอแล้วกระชากแขนเรียวให้หันไปเผชิญหน้า
“คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” เจ้าของปราสาทบัญชา
หญิงสาวแหว “มันจะมากไปแล้วนะ เป็นบ้าอะไรเนี่ย” เธอพยายามดึงแขนออก
ตอนนี้หน้าตาคอนสแตนตินเริ่มเหมือนปีศาจร้ายเข้าไปทุกที “คุณจงใจท้าทายผมหรือไง คุณกำลังจะไปหาไอ้มาร์คนั่น อยากให้มันข่มเหง อยากให้มันฆ่าเอาหรือไง…ผู้หญิงบ้า!” พูดจบแขนแข็งแรงราวกับเครื่องจักรก็เลื่อนมาบีบไหล่มนไว้แน่น ผิวเนื้อเปล่าเปลือยเป็นรอยแดงขึ้นทันทีจากแรงกด แต่ดูเหมือนเพลงพิณจะไม่เห็นเพราะเธอเอาแต่แหงนหน้าตะเบ็งเสียงเถียง
“รู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปหามาร์ค…ว่างมากหรือไงถึงได้คอยสอดแนมเรื่องของคนอื่น” หญิงสาวว่ากระทบ กราดตามองไปยังครอบครัวมหาภัยของเขาอย่างไม่พอใจ…นายเอวานสายสืบนั่นคงเอาเรื่องที่ได้ยินไปรายงานโซเฟียหรือไม่ก็มาเรีย แล้วทั้งคู่ก็คาบมาบอกคอนสแตนตินอีกที…ชิ พวกยุ่งเรื่องชาวบ้าน จะกลับกันอยู่แล้วยังจะก่อเรื่องทิ้งทวนอีก
คอนสแตนตินบดกรามเสียงกรอดๆ หน้ามืดไปด้วยความโมโห อยากจะด่าว่าเพลงพิณมากกว่านี้ให้สมกับที่อยู่ไม่สุข ริอ่านนัดแนะผู้ชายลับหลังเขา…เขารีบบอกตัวเองว่าไม่ได้หึง แต่นายมาร์ค ซี เทตนั่นมันเป็นผู้ชายเลวๆ ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรเข้าใกล้ แต่เพลงพิณดูกะโหลกหนาเกินกว่าที่จะเข้าใจ
“กลับเข้าไปในปราสาทเดี๋ยวนี้ ห้ามคุณแตะรถของผมแม้แต่ปลายนิ้ว…”
เพลงพิณถลึงตาเท่าที่ดวงตาเรียวเล็กของเธอจะเอื้อ “ไม่แตะก็ได้ แต่ถ้าคนอย่างฉันจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ ฉันจะขี่ม้าลงไป ถ้าคนบ้าอย่างคุณเกิดจะหวงม้าขึ้นมาอีก ฉันก็จะเดินไป…ยังไงฉันก็จะไปได้ยินไหม” คนตัวเล็กหอบด้วยความเหนื่อยหลังจากตะเบ็งเสียงออกไปเป็นชุด…นึกว่าจะหงอให้เหรอ ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน เอาแต่สั่งเธอฉอดๆ ไร้มารยาท ขาดเหตุผลที่สุด
พอเห็นว่าเพลงพิณไม่มีท่าทีว่าจะสำนึกหรือเชื่อฟัง คนสั่งก็ยิ่งโมโหเดือด “ก็ได้! ถ้าเธออยากจะไปหามันนักก็ว่ายน้ำไปเองเลย อย่ามาแตะต้องเรือของฉัน” สรรพนามที่ใช้ถูกเปลี่ยนฉับพลัน เพราะความอดทนที่ไม่ค่อยมีเริ่มหมดลง มือแข็งแรงที่บีบไหล่เล็กอยู่ปล่อยแบบสะบัด จนทำให้ร่างของเพลงพิณเซแซดๆ ไปคล้ายถูกผลัก คราวนี้ใบหน้ารูปหัวใจแดงก่ำเหมือนกินพริกไปทั้งกำ โมโหสุดขีดกับอาการคล้ายใช้กำลังของอีกฝ่าย