ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม บทที่ 4 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม บทที่ 4

“ผิงเฉิง ผิงเฉิง…”

มองเห็นตัวอักษรสีเขียวอมเทาว่า ‘ผิงเฉิง’ ทรงพลังบนกำแพงเมืองจากที่ไกล มู่หวั่นชิวตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว “ในที่สุดข้าก็เดินออกมาจากเขาได้แล้ว!”

คิดถึงตนเองที่ต้องอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าในหุบเขา นอนกลางดินกินกลางทราย หวาดหวั่นทุกคืนวัน น้ำตาของมู่หวั่นชิวก็พลันไหลพรากลงมา ในที่สุดนางก็มาถึงเมืองผิงเฉิงแล้ว เพียงผ่านเมืองผิงเฉิงแล้วเดินต่อไปทางใต้ ก็จะถึงเมืองซั่วหยางที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเครื่องหอมเล็ก เป็นสถานที่ปรุงเครื่องหอมที่นางใฝ่ฝัน

มู่หวั่นชิวถอนหายใจ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนพื้น

นับไม่ถูกแล้วว่าเดินมานานกี่วัน นางรู้เพียงแค่ว่าตุ่มน้ำใต้เท้าทั้งสองข้างนี้สมานแล้วแตก แตกแล้วสมาน จนถึงตอนนี้ทุกก้าวย่างล้วนรู้สึกเจ็บราวกับถูกไฟลน ทว่าเมื่อเห็นประตูเมืองอยู่ตรงหน้านี้ก็ไม่ต้องร้อนใจอีกต่อไป นางสามารถพักผ่อนได้แล้ว

อาหารแห้งที่ซื้อที่เมืองก่อนหน้านี้กินหมดไปตั้งแต่เมื่อคืน มู่หวั่นชิวคลำเงินอีแปะไม่กี่เหรียญในห่อผ้าเก่าๆ ก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่กลัว…ไม่กลัวอีกแล้ว อีกครู่ขอเพียงเข้าเมืองก็จะมีของกินแล้ว มู่หวั่นชิวด้านหนึ่งปลอบใจตัวเอง ด้านหนึ่งก็เงยหน้าขึ้น ทันทีที่สายตาไปตกลงบนตัวคนที่อยู่ตรงซอกประตูเมือง พวกเขาสวมชุดแขนกุดสีเทาที่พิมพ์อักษร ‘ทหาร’ สีแดงเหลืองเอาไว้ เพียงเท่านั้นนางก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างแรง

ในฐานะบุตรสาวขุนนางต้องโทษ นางต้องเร่ร่อนไปทั่วตามลำพัง ตลอดทางนี้ต่อให้มีทหารผ่านมาแค่คนเดียว ก็สามารถทำให้นางใจเต้นได้เป็นเวลานาน หลังจากเลื่อนสายตาหนีทหารแล้ว มู่หวั่นชิวก็ขยับตัว แต่ยังไม่ได้ลุกขึ้น นางแอบเหลือบมองไปบนประตูเมือง โชคยังดีที่บนกำแพงเมืองไม่มีแผ่นป้ายประกาศรูปหน้าคนติดอยู่ และไม่มีภาพวาดอะไรทั้งนั้น ที่นี่ไม่เหมือนหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขา ที่พอมีคนแปลกหน้ามาเยือนสักคน เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ คนในหมู่บ้านก็รู้กันหมดแล้ว

ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ ชาวบ้านที่ไปมาก็มีจำนวนมาก เด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นเช่นนางก็มีให้เห็นได้ทั่วไป

“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวหรอก มือปราบคนใดก็คงไม่สงสัยว่าข้าเป็นนักโทษหนีคดี” มองดูชาวเมืองทุกข์ยากที่มีสภาพเหมือนกับนางเดินเข้าออกประตูเมืองแล้ว มู่หวั่นชิวก็ได้แต่ปลอบตัวเองอยู่ในใจ

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ใช้ไม้ตีสุนัขกัดฟันพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมา

ไม่ว่าอย่างไร นางก็เป็นนักโทษหนีคดี อย่ามาอยู่หน้าประตูเมืองเช่นนี้จะดีกว่า

มู่หวั่นชิวสัมผัสได้ถึงสายตาของทหารสองคนตรงซอกประตูเมืองที่คอยมองมาที่ตนอยู่ตลอด นางพลันรู้สึกว่าประตูเมืองผิงเฉิงนี้ช่างยาวนัก นางยืดตัวตรง พยายามทำให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติและสงบนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ เดินทีละก้าวเข้าไปในเมืองผิงเฉิง

“ไปๆๆๆ” เห็นหมั่นโถวร้อนๆ บนแผงขายของ มู่หวั่นชิวก็ควักเงินหนึ่งอีแปะแล้วกระโจนเข้าไป ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ ก็ถูกเสี่ยวเอ้อร์ผลักออก “พวกขอทาน ไปให้ไกล อย่าทำให้หมั่นโถวของข้าสกปรก!”

“ใครเป็นพวกขอทาน เจ้าตาบอดหรือ!” เดิมทีก็หิวจนแทบเป็นลมอยู่แล้ว พอถูกคนผลักออกมาอย่างรังเกียจอีก มู่หวั่นชิวพลันมีไฟโทสะพุ่งขึ้นมาทันที

เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นหันหน้าไปอย่างรังเกียจ

มองดูหมั่นโถวที่ร้อนระอุ มู่หวั่นชิวยังคิดจะเดินเข้าไป แต่กลับถูกคนฉุดไว้จากด้านหลัง “แม่หนูน้อย ตรอกนี้มิใช่ที่ที่คนจนจะมาอยู่ได้ เจ้าเดินตรงไปข้างหน้า พอถึงร้านตัดเสื้อแล้วให้เลี้ยวซ้าย ที่นั่นของราคาถูก แล้วยังมีนายท่านเจิงที่ตั้งเพิงแจกจ่ายข้าวต้มอยู่ที่ตรอกปาเต้าวานอีก คงพอให้เจ้าอิ่มท้องได้”

มู่หวั่นชิวหันหน้าไป เห็นท่านยายผมขาวโพลนคนหนึ่ง

“ท่านยาย แต่ว่าข้ามีเงิน” มู่หวั่นชิวแบมือให้เห็นเงินอีแปะในฝ่ามือ

ท่านยายมองนางแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้า แล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

เห็นสายตาของท่านยาย มู่หวั่นชิวจึงก้มหน้าลงดูตัวเองเช่นกัน ถึงแม้มือเท้าจะสะอาด แต่เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะชุนได้ถูกกิ่งไม้เกี่ยวขาดจนเป็นริ้ว และเต็มไปด้วยฝุ่นดำ เป็นใครก็คงคิดว่าตนเป็นขอทาน นางจึงสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว

นางมิใช่บุตรสาวอัครเสนาบดีผู้สูงศักดิ์คนนั้นอีกแล้ว!

มือที่ยื่นออกไปกำเป็นหมัด กำเหรียญหนึ่งอีแปะนั้นไว้ในมือแน่น มู่หวั่นชิวโค้งคำนับท่านยาย พูดขอบคุณ ก่อนจะหมุนตัวแล้วค่อยๆ เดินไปตามทางที่ท่านยายชี้บอก

เสี่ยวเอ้อร์ที่ขายหมั่นโถวเพิ่งจะใช้กระดาษไขห่อหมั่นโถวไปสองลูก แล้วส่งแขกร่างอ้วนคนหนึ่งไป พอเงยหน้าขึ้น ทันเห็นแผ่นหลังของมู่หวั่นชิว ก็ต้องกะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก ตัวเองอาจจะตาลาย คนจนกระทั่งต้องมาขอทานคนหนึ่ง เหตุใดท่าทางตอนเดินจึงได้ดูงดงามเช่นนี้ ดูสง่างามเพียงนี้?

อ้าปากขึ้น แต่เสี่ยวเอ้อร์ที่ขายซาลาเปากลับรู้สึกว่าคอแห้งผาก พูดอะไรไม่ออก เขาเพียงใช้สายตามองส่งมู่หวั่นชิวจนเดินหายเข้าไปในตรอกด้านหน้า เสี่ยวเอ้อร์จึงตบปาก แล้วพูดพึมพำกับตนเองว่า “มองคนผิดอีกแล้ว ได้ยินว่าคุณหนูตระกูลเจิงทั้งหลายชอบสวมชุดชาวบ้านออกมาข้างนอก ไม่แน่ว่านางอาจจะเป็นคนตระกูลเจิงก็ได้!” หมั่นโถวลูกที่อยู่ในมือพลันถูกบีบจนแบน “อยู่ดีๆ ก็พลาดโอกาสได้รู้จักคนสูงศักดิ์เสียได้!”

บังเอิญเจอภัยแล้งครั้งใหญ่ ตลอดทางที่มานี้อาหารเครื่องดื่มจึงแพงขึ้นอย่างน่าตกใจ เดิมทีหมั่นโถวเพียงลูกละสามอีแปะ กลับขึ้นราคาเป็นสิบอีแปะ แม้นางจะประหยัดแล้วประหยัดอีก จนมาถึงเมืองผิงเฉิง ในห่อผ้าของมู่หวั่นชิวก็มีเงินเหลือไม่ถึงหนึ่งพวงแล้ว เดิมทีนางไม่เคยคิดจะเข้าพักที่โรงเตี๊ยม กลับคิดจะไปที่วัดเบียดนอนกับคนเร่ร่อนเหล่านั้น แต่ตอนนี้หลังถูกเสี่ยวเอ้อร์ตะคอกใส่ มู่หวั่นชิวจึงเปลี่ยนใจ

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com