“เครื่องหอมนี้กลิ่นเป็นอย่างไรขอรับ” หร่วนซีมองหร่วนอวี้บิดเม็ดหอมเศร้าอาดูรเม็ดหนึ่งวางลงในเตากำยานอย่างตื่นเต้น
นี่เป็นเครื่องหอมตัวอย่างที่จะใช้ในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ที่ตระกูลหลีส่งออกมา ซึ่งเขาเพิ่งจะขโมยกลับมา
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” เห็นหร่วนอวี้หลับตาไม่พูดจา หร่วนซีจึงถามอีกประโยค “ข้าน้อยให้คนลอบจับตาขบวนรถของตระกูลหลีแล้ว ขอใต้เท้าพูดเพียงประโยคเดียว ข้าน้อยจะขโมยเครื่องหอมชุดนั้นมาทันที” ในดวงตาหร่วนซีฉายแววโหดเหี้ยม
“เครื่องหอมนี้ไม่น่ากลัว…” ในขณะที่หร่วนซีทนไม่ไหวจะออกไปส่งข่าวนั้น หร่วนอวี้ก็ลืมตาขึ้นทันใด
“ใต้เท้า…”
“หลี่หานปิงเป็นแค่นักปรุงเครื่องหอมมือรอง จะมาเทียบกับปรมาจารย์กู่ที่เป็นเสมือนเทพได้อย่างไร” หร่วนอวี้ยิ้มเย็นชา ก่อนจะดับไฟในเตากำยานลงในฝ่ามือเดียว “กลิ่นนี้เทียบกับกระวานหอมบุปผาสวรรค์ที่เพิ่งวางขายในตลาดไม่ได้เลย!”
“เช่นนั้น…” หร่วนซีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น “ข้าน้อยจะเรียกคนกลับมานะขอรับ”
ทันทีที่รู้ว่าตัวอย่างเครื่องหอมของตระกูลหลีจะถูกส่งออกไปภายในไม่กี่วันนี้แล้ว องครักษ์ทุกคนก็ล้วนตึงเครียด คงไม่อาจพักผ่อนอย่างสบายใจติดต่อกันหลายวันได้
“ได้ เหลือไว้สอง…” หร่วนอวี้พยักหน้า ทันใดเสียงก็ขาดไปชั่วครู่ “เพิ่มคนจับตาดูคฤหาสน์ตระกูลหลีต่อไป อย่าหละหลวมอย่างเด็ดขาด!”
หลีจวินเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ทั้งที่รู้ว่าเครื่องหอมที่หลี่หานปิงทำออกมานั้นไม่อาจเรียกว่าชั้นหนึ่งได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำว่าชั้นเลิศเลย แล้วเหตุใดเขายังกล้าส่งออกไปอีกเล่า
ขายหน้าต่อเหล่าเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ไปเสียเปล่า
ตระกูลหลีเป็นถึงผู้นำวงการปรุงเครื่องหอม การที่เขาทำเช่นนี้ไม่ต้องให้อิงอ๋องเสียน้ำลายพูดเลย ฝ่าบาทก็จะมีพระราชโองการยกเลิกสิทธิ์การเป็นวาณิชหลวงของตระกูลหลีเอง นี่เป็นการขุดหลุมศพฝังตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
เว้นแต่ว่าจะเป็นคนโง่จริงๆ กระนั้นแม้แต่คนบ้าก็ยังไม่ทำเช่นนี้เลย!
แต่หลีจวินไม่ใช่ทั้งคนโง่และคนบ้า เขาทำเช่นนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…
คือเขาคิดจะสร้างทางที่แจ้งส่งเสบียงที่ลับ!
ตัวอย่างเครื่องหอมที่แท้จริงต้องยังอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลีอย่างแน่นอน หลีจวินคงคิดจะใช้ของปลอมมาล่อสายตาของเขาไปทางอื่น จากนั้นค่อยส่งของจริงออกไป!
เหลือเวลาไม่มากแล้วเพียงวันนี้วันพรุ่งสองวัน ตัวอย่างจริงของตระกูลหลีจะต้องถูกส่งออกมาแน่นอน
“ใต้เท้า…” หร่วนซีจับต้นชนปลายไม่ถูก
ทั้งที่เครื่องหอมก็ส่งออกมา และก็ถูกขโมยมาแล้วด้วย พิสูจน์ว่าไม่มีอันตรายใดแล้วแท้ๆ ยังจะให้พวกเขาจับตาดูตระกูลหลีด้วยเหตุใดอีก
“ถอนกำลังที่ติดตามขบวนรถของตระกูลหลีกลับมาบางส่วน” หร่วนอวี้ไม่อธิบาย ก่อนจะพูดสั่งการต่อไป “ให้แม่นางหลิ่วไปลองถามกู่ฉินดูว่าฝ่ายปรุงเครื่องหอมของตระกูลหลีระยะนี้มีความผิดปกติอะไรหรือไม่”
“เอ่อ…” หร่วนซีลังเลสักครู่
เขาจะเชิญคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิ่วไปหากู่ฉินได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นเพราะหร่วนอวี้เอาแต่ตามติดมู่หวั่นชิวทุกวัน คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิ่วจึงกำลังงอนอยู่
หร่วนซีอ้าปากอยากจะพูดว่าเรื่องนี้ใต้เท้าไปด้วยตัวเองดีกว่าขอรับ คำพูดตีวนอยู่ที่ปลายลิ้น มองเห็นหัวคิ้วที่ขมวดแน่นของหร่วนอวี้แล้ว เขาก็รู้ว่าผู้เป็นนายกลัวหลิ่วเฟิ่งที่จู่ๆ ก็พูดจาไม่ดีขึ้นมา
สตรีน่ะเพียงพูดจาปลอบสักหน่อยก็ดีด้วยแล้ว
หร่วนซีกำลังคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมให้หร่วนอวี้ไปเยี่ยมหลิ่วเฟิ่ง ยอมก้มหัวให้นางอย่างไรบ้างนั้น ก็มีองครักษ์เข้ามารายงานเสียก่อน “ใต้เท้าฉินเชิญท่านไปดูเครื่องบรรณาการที่เตรียมเพื่องานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ขอรับ”
พระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ ขุนนางทุกท้องที่ต้องส่งของบรรณาการมาร่วมอวยพร ขุนนางในเขตเมืองต้าเยี่ยย่อมไม่อยู่ในข้อยกเว้น มีกฎเกณฑ์เดียวกับที่อื่น โดยที่มีเจ้าเมืองต้าเยี่ยเป็นผู้นำ ทุกอำเภอที่อยู่ในกำกับจะร่วมกันเตรียมของขวัญอวยพรหนึ่งชิ้นขึ้นมาแล้วร่วมลงชื่อในรายงาน
เตรียมของขวัญอวยพรให้ราชธิดาของฮ่องเต้ ทุกอำเภอย่อมต้องเอาของล้ำค่าที่มีอยู่ในหีบทั้งหมดออกมา เงินกำนัลมหาศาลมีมูลค่าไม่น้อย นอกจากเส้นทางหลวงต้องมีทหารคุ้มกันในการส่งของแล้ว ยามจะเคลื่อนขบวนทหารก็ต้องมีลายมือชื่อและตราประทับของหร่วนอวี้ด้วย
กำลังครุ่นคิดว่ามีความเป็นไปได้ใดบ้างที่หลีจวินจะเลือกส่งตัวอย่างออกจากตระกูลหลี ทั้งยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ได้ฟังคำพูดนี้แล้วดวงตาหร่วนอวี้ก็เปล่งประกาย
ใช่ ของขวัญอวยพรขององค์หญิง!
ด้วยความเจ้าเล่ห์ของหลีจวินคงจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้แน่นอน!
อย่างไรเสียฉินต้าหลงก็เป็นสุนัขตัวหนึ่งของตระกูลหลี!
ความคิดแล่นผ่าน หร่วนอวี้ก็ดีดตัวลุกขึ้นทันที “ไป!”
“ใต้เท้า…” หร่วนซีเรียก
“รีบนำองครักษ์ทั้งหมดในจวนตามข้าไปตรวจนับเครื่องบรรณาการ…”
หร่วนซีเบิกตาโตอย่างตกใจ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงหมุนตัวไปรวบรวมองครักษ์