“ใต้เท้าใจเย็นๆ ขอรับ…” หร่วนซีพูดเตือนสติเบาๆ ข้างหู “เรือบรรณาการนี้ถ้าไม่ถอนสมอในคืนนี้ก็จะไม่ทันกาลจริงๆ”
หร่วนอวี้สงบสติลง คิดดูแล้วก็จริงอยู่ เพราะตนเองเข้าใจผิดคิดว่าหลีจวินแอบขนของส่วนตัวขึ้นมาบนเรือ บังคับให้คนเดินเรือรวมถึงทหารองครักษ์ที่เตรียมจะถอนสมอต้องเสียเวลาอยู่ที่ท่าเรือถึงหนึ่งวันเต็ม ฉินต้าหลงจะโมโหก็เป็นเรื่องปกติ ความคิดนี้แล่นผ่านเขาก็มีท่าทีที่อ่อนลงพลางใช้กำลังภายในส่งเสียงสั่งหร่วนซี
“เจ้ารีบนำองครักษ์เหล่านี้ไป ต้องชิงสินค้าตระกูลหลีชุดนั้นไว้ให้ได้…” เขาชะงักไปสักครู่ “ไม่ว่าพวกเขาจะขนสินค้าอะไร…ปล้นมาให้หมด!” ดวงตาดำเรียวยาวฉายแววโหดร้าย
สินค้าเปิดเผยของตระกูลหลีนั้นเขาย่อมไม่กล้าปล้นส่งเดช ทว่าสำหรับสินค้าซุกซ่อนก็ไม่ไว้หน้าแล้ว มาเล่นกลกับเขาเช่นนี้ หลีจวินก็อย่าโทษที่เขาใจร้ายแล้วกัน!
หร่วนซีรับคำ “ขอรับ…” แล้วหันไปพูดกับเหล่าองครักษ์ที่ตามออกมา “ตามข้ามา…”
เสียงพึ่บพั่บดังขึ้นมาอย่างวุ่นวาย ฉับพลันองครักษ์สามสิบกว่าคนที่หร่วนอวี้พามาด้วยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที ข้างกายเขามีองครักษ์ประจำกายยืนอยู่เพียงห้าคนเท่านั้น
“นี่…นี่…” ฉินต้าหลงมีสีหน้าซีดขาว ที่หลีจวินให้เขาดึงตัวหร่วนอวี้เอาไว้ จุดประสงค์หลักจริงๆ ก็คือองครักษ์เหล่านี้กระมัง
พวกเขาไปกันหมดแล้ว เขาดึงตัวหร่วนอวี้เอาไว้ยังจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า
แต่ว่าหร่วนอวี้ยืนเป็นกำแพงขวางอยู่ตรงนั้นโดยไม่ยอมพูดจา ทั้งยังอยู่ต่อตามคำพูดของเขาแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์จะไปดึงตัวคนอื่นให้อยู่อีกกระมัง
“…มีอะไรหรือ” หร่วนอวี้มองดูใบหน้าของฉินต้าหลงที่เปลี่ยนไปมารวดเร็ว “ใต้เท้าฉินยังอยากให้องครักษ์ของข้าอยู่ที่นี่ทั้งหมดหรือ”
“เรื่องนี้…” ฉินต้าหลงพลันเกิดความฉลาดในยามคับขัน “คนไปแล้ว ใต้เท้าหร่วนจะตรวจนับของอย่างไรเล่า” แล้วพูดอีกว่า “ถ้าเสียเวลาอีก เกรงว่า…”
“มีข้าอยู่ ไม่เสียเวลาเด็ดขาด” หร่วนอวี้โบกมือห้ามเขา แล้วหันไปพูดกับองครักษ์ที่เหลืออยู่ “ตรวจของ!”
เห็นพวกหร่วนซีหายลับไปแล้ว ตนร้อนใจไปก็ไร้ประโยชน์ ฉินต้าหลงจึงตัดสินใจก้าวเท้าตามหร่วนอวี้ไป ก่อนจะวิ่งนำไปยังหีบสุดท้ายที่ยังไม่ได้ปิด “ใต้เท้าหร่วนมาดูสิ ข้าโตมาจนป่านนี้มีอัญมณีอะไรบ้างที่ไม่เคยเห็น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นของบรรณาการที่เอาใจใส่มากมายเช่นนี้…” เขาประหลาดใจอย่างมาก
ปกติของที่ทำจากผลึกแก้วมักจะใช้ผลึกแก้วทั้งชิ้นมาทำ สีสันมักจะออกมาเรียบง่าย เขาสงสัยเสียจริงว่าผลึกแก้วสีสันแตกต่างกันนี้ได้มาจากที่ใด แล้วต่อติดกันได้อย่างไร
หร่วนอวี้เองก็สงสัยอย่างมาก แต่เป็นเพราะถูกหลีจวินวางแผนตลบหลังอย่างร้ายกาจ เขายังจะมีอารมณ์มาสังเกตได้อย่างไร เห็นฉินต้าหลงดึงเขาตามไปที่เจดีย์ผลึกแก้วนั้น แม้ปากบอกว่านึกประหลาดใจ แต่การกระทำกลับฉายความหมายที่อยากจะดึงตัวเขาไว้กลายๆ
เขาจะยอมจำนนอย่างนี้ได้หรือ
ถึงแม้หร่วนซีจะพาคนไปแล้ว แต่เขาก็ต้องรีบกลับไปเตรียมการใหม่จึงจะดี จะมาเสียเวลาเปล่าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เขาโบกมือให้องครักษ์ข้างกาย “ปิดหีบ ติดแถบผนึก!”
ฉินต้าหลงสีหน้าเปลี่ยนไป ริมฝีปากขยับหางตาก็เหลือบไปเห็นทหารใต้บัญชาของหร่วนอวี้ยืนจังก้า มองใบหน้าเย็นชาน่ากลัวของหร่วนอวี้แล้ว เขาก็แอบทอดถอนใจ ตอนนี้เขามีอำนาจล้นฟ้า…อยู่ในแวดวงขุนนางมา ฉินต้าหลงย่อมรู้ดีที่สุดถึงความเปลี่ยนแปลงจากการต่อสู้ทางอำนาจ เขาจึงส่ายหน้าแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง มองดูหร่วนอวี้นำคนเดินตรวจนับผ้าแพรไหมที่เหลือซึ่งไม่สามารถสอดของส่วนตัวลงไปได้…
แม้จะบอกว่าแค่เดินดู แต่หร่วนอวี้ยังคงให้องครักษ์ตรวจค้นผ้าแพรไหมอย่างละเอียด เมื่อมั่นใจว่าตรงกลางไม่ได้สอดเครื่องหอมเอาไว้จึงโบกมือให้ทุกคนเก็บพับตามเดิม แล้วติดแถบผนึกเรือลำสุดท้าย
ฉินต้าหลงมองหร่วนอวี้ค่อยๆ ประทับตราบนเอกสารแล้ว จึงผ่อนลมหายใจยาว “เรือพักแรมลำข้างหน้าเตรียมน้ำชาสุรากับแกล้มเอาไว้ วุ่นวายมาทั้งวันแล้ว ใต้เท้าหร่วนไปดื่มชาพักผ่อนสักครู่เถอะ”
“ไม่ต้อง…” ทิ้งคำพูดเย็นชาไว้ประโยคหนึ่งแล้ว หร่วนอวี้ก็ก้าวยาวลงจากสะพานลอยน้ำไป
* ยามโฉ่ว คือช่วงเวลา 01.00 น. ถึง 03.00 น.