ภายในคฤหาสน์พักร้อนตระกูลหลีที่ชานเมืองทางตะวันตกของอำเภอฉี่หลิง อากาศอึดอัดเป็นพิเศษ ฉินเจี้ยนสองมือสั่นเทาขณะแกะเม็ดหอมที่องครักษ์หยิบออกมาจากในกล่องทีละห่อ
“คุณชาย ตัวอย่างที่พวกเราแทรกไว้ข้างในทั้งหมดถูกสับเปลี่ยนไปแล้ว” ในน้ำเสียงแฝงสะอื้น
สินค้าชุดใหญ่ถูกปล้นชิงไป ตัวอย่างที่ซ่อนอยู่ในเม็ดหอมของหลี่หานปิงก็ถูกสับเปลี่ยนไปอีก ครั้งนี้ตระกูลหลีตายแน่นอน!
หลีจวินไม่ได้พูดอะไร เขาค่อยๆ หยิบเม็ดหอมเม็ดหนึ่งขึ้นมาวางใต้จมูกแล้วดมอย่างละเอียด
ราวกับใช้ใจดมแล้วกลิ่นนี้จะเปลี่ยนไปได้อย่างนั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็บดเม็ดหอมในมือจนละเอียด จากนั้นจึงตวัดมือ เม็ดหอมที่ถูกแกะกระจายบนโต๊ะพลันถูกกวาดไปจนหมด กลายเป็นฝุ่นผงลอยฟุ้งกระจายในทันที
ไม่เคยเห็นหลีจวินโมโหเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ฉินเจี้ยนก็ยังงงงวย ขยับถอยไปติดมุมกำแพงเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงอะไร
“เจี้ยนเอ๋อร์…” หลีจวินส่งเสียงเรียก
ฉินเจี้ยนสะดุ้ง เขาเดินก้าวเล็กขึ้นหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ “คุณชาย…”
“สั่งการลงไป หากเรื่องวันนี้ไปเข้าหูแม่นางไป๋แม้แต่น้อย ข้าจะถลกหนังพวกเจ้า…” แม้เสียงพูดจะไม่ดัง แต่กลับเย็นยะเยือก กระทั่งทำให้องครักษ์ทุกคนตัวสั่นทั้งที่อากาศไม่หนาว แต่ละคนเหมือนเป็นตะคริวทรุดตัวลงคุกเข่า พากันสาบานต่อฟ้า
หมอบอยู่บนหลังคา และมองดูความฉุนเฉียวของหลีจวินที่น้อยนักจะได้เห็นแล้ว หร่วนอวี้ก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่แท้ท่าทางสบายอารมณ์ของเขาเมื่อกลางวันล้วนเป็นการเสแสร้งอยากจะหลอกลวงข้า…เขาปาดเหงื่อ เกือบจะถูกเขาหลอกเสียแล้ว หากไม่ใช่เพราะสีหน้าสบายใจเมื่อตอนกลางวันของหลีจวินทำให้เขาไม่วางใจ เขาคงไม่บุกคฤหาสน์พักร้อนของตระกูลหลีในยามวิกาลเช่นนี้
ความคิดแล่นผ่าน หร่วนอวี้ดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ กิ่งไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไปตกลงมาในทันที
หลีจวินที่พูดอยู่ในห้องพลันไหวตัวเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็กระโดดลอยตัวออกไป
หร่วนอวี้ฉีกยิ้มพลางยืนขึ้นมา กำลังจะกระโดดลงจากหลังคา เขาก็มีอันชะงักไปแล้วค่อยๆ หันหน้ามา หลีจวินที่เมื่อครู่ยังอยู่ในห้องแท้ๆ กลับยืนชายเสื้อปลิวพลิ้วอยู่ที่ด้านหลังตัวเขา
หร่วนอวี้นิ่งงันไป แต่แล้วก็หัวเราะเสียงดัง “ได้ยินบ่อยครั้งว่าคุณชายหลีมีพลังยุทธ์สูงส่ง ไม่ใช่เรื่องโกหกเลยจริงๆ แม้จะเดือดดาลเพียงใดก็ยังไม่ทิ้งความเฉียบไวไหวตัวได้เร็วเช่นนี้ หาได้ยากหนอหาได้ยาก…” มองหน้าหลีจวินด้วยรอยยิ้มสดใสแล้ว เขาก็จงใจเน้นคำว่า ‘เดือดดาล’ สองคำนี้ออกมา
นอกเหนือความคาดหมายของหร่วนอวี้ หลีจวินไม่ได้ขยับกระทั่งหัวคิ้ว ทว่ากลับเผยรอยยิ้มสบายอารมณ์ออกมา “ได้ยินบ่อยครั้งว่าใต้เท้าหร่วนเป็นคนเถรตรงเปิดเผยชัดเจน แต่ที่แท้ก็ชอบเป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคานอย่างนี้นี่เอง”
เวลาเพียงไม่กี่วันก็จับตนได้ถึงสองครั้งแล้ว หร่วนอวี้พลันรู้สึกลำบากใจ เขากระโดดลอยตัวถอยหลัง ลงพื้นห่างออกไปจั้งกว่าๆ จากนั้นก็กระโดดลอยตัวหลบเลี่ยงองครักษ์ตระกูลหลีที่กรูมาตรงลานบ้าน แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
จะปล่อยเขาหนีไปเช่นนี้ได้อย่างไร หลีจวินยกเท้าวิ่งไล่ตามไปทันที
จนกระทั่งออกจากอำเภอฉี่หลิง ตรงไปตามทางเล็กอันรกร้างจนถึงหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง หร่วนอวี้จึงหยุดชะงัก
เขาเพิ่งหยุดยืน หลีจวินก็หยุดลงที่ด้านหลังเขาราวกับตัวเบาล่องลอยมา
“คุณชายหลีฝีมือดีจริง…” เห็นตนเองเพิ่งยืนนิ่ง หลีจวินก็มายืนตรงข้างกายอย่างไร้สุ้มเสียงแล้ว หร่วนอวี้จึงเอ่ยปากชม
“พลังยุทธ์ของใต้เท้าหร่วนก็ไม่เลว…” หลีจวินพูดจากใจจริง “ใต้เท้าหร่วนเป็นคนเถรตรง มีความสามารถเกินใคร นับว่าเป็นยอดชาย ถ้าไม่ใช่เอาแต่เป็นปรปักษ์กับตระกูลหลี ท่านกับข้าอาจจะกลายเป็นสหายสนิทกันก็ได้…” นี่เป็นคำพูดจากใจจริง สามารถหาเครื่องหอมที่เขาส่งออกไปได้อย่างแม่นยำและปล้นชิงมาได้รวดเร็วเช่นนี้ ขณะที่เกลียดแค้นอยู่นั้นในใจหลีจวินก็มีความนับถือให้กับหร่วนอวี้เพิ่มขึ้น
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าต่างฝ่ายต่างเสียดายคนมีฝีมือกระมัง
หร่วนอวี้ลอบถอนใจ ความฉลาดเจ้าเล่ห์ของหลีจวินและความสุขุมเยือกเย็นที่แผ่มาจากตัวอีกฝ่ายนั้นเป็นสิ่งที่หร่วนอวี้ไม่เคยเห็นมาก่อน “คุณชายหลีพูดถูก ถ้าไม่ได้มีนายคนละคน พวกเราอาจกลายเป็นสหายสนิทกันจริงๆ ก็ได้…” หร่วนอวี้หัวเราะฮ่าๆ ก่อนแสดงจุดยืนของแต่ละคนอย่างชัดเจนไม่ปิดบัง
นี่ก็หมายความว่าอิงอ๋องมั่นใจแล้วว่าตระกูลหลีเป็นพวกเดียวกับองค์รัชทายาทหรือ…
คาดไม่ถึงว่าหร่วนอวี้จะประกาศจุดยืนชัดเจนเช่นนี้