ทดลองอ่าน
ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่มห้า บทที่แปด
คนที่ตกใจที่สุดคงหนีไม่พ้นอิงอ๋อง เขามองนางกำนัลชุดเขียวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “สองหมื่นขวด เวลาสั้นอย่างนั้นจะทำออกมาได้อย่างไร” หากจำไม่ผิด นับจากกู่ฉินได้รับบาดเจ็บจนถึงวันที่เครื่องหอมของตระกูลหลีถูกส่งออกไปก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
“ทูลท่านอ๋องหก…” นางกำนัลชุดเขียวย่อตัวคำนับอิงอ๋อง “คนตระกูลหลีบอกว่าหลังจากไป๋ชิวมาที่ร้านหลีจี้ นางก็ตั้งใจศึกษาเรื่องน้ำหอมกับอาจารย์โหยวไห่เพื่อเตรียมน้ำหอมเหล่านี้แล้ว ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปี…”
โหยวไห่เป็นอาจารย์ของตระกูลหลีที่ปรุงน้ำหอมเพื่อวังหลวงโดยเฉพาะ
ตอนแรกหลีจวินเห็นน้ำหอมที่มู่หวั่นชิวปรุงออกมาก็ตกใจมากเช่นกัน เขายังคาดเดามากมายเกี่ยวกับวิชาลับสุดยอดของนาง ถึงขั้นสงสัยว่าตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยเป็นนางที่ได้ไปใช่หรือไม่ ด้วยเกรงว่าคนอื่นจะสงสัยเรื่องนี้จึงได้สร้างเรื่องโกหกแทนนาง
รู้ดีว่าสูตรลับสามารถเป็นภัยได้ นางที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงหากถูกใครหมายตาเข้าคงไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะอีกฝ่ายคืออิงอ๋องที่มีอำนาจบารมีล้นฟ้า
“เสียเวลาหนึ่งปี…” ฮองเฮาพึมพำทวนซ้ำ นางขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ในตอนนี้ยังคิดไม่ออก
“…ตระกูลหลีเดิมทีคิดจะถวายเครื่องหอมสองชนิด ชนิดหนึ่งคือเม็ดหอมของปรมาจารย์กู่ อีกชนิดหนึ่งก็คือน้ำหอมนี้ เพื่อเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้แก่องค์หญิง…” เหมือนรู้ถึงความคิดของฮองเฮา นางกำนัลชุดเขียวจึงอธิบายว่า “คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์กู่จะเกิดเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ตระกูลหลีจึงทำได้เพียงทูลถวายน้ำหอมเพียงชนิดเดียวนี้เพคะ…”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง…” ฮองเฮาเข้าใจเรื่องราว “เราก็ว่าอยู่ เหตุใดจึงปล่อยปรมาจารย์กู่ไว้ไม่ใช้งาน แต่ตระกูลหลีกลับใช้งานคนใหม่คนหนึ่งเสียอย่างนั้น…” แล้วพูดชมอีกว่า “เสียแรงใจแรงทรัพย์มากอย่างนี้ ตระกูลหลีช่างมุ่งมั่นจริงๆ…”
“เป็นเพราะคุณชายใหญ่ตระกูลหลีมีตาดีมองคนออก หลังจากจบงานประชันเครื่องหอมเมืองซั่วหยางก็พบว่าอาจารย์ไป๋ชิวเป็นอัจฉริยะจึงได้กล้าใช้งานเพคะ” นางกำนัลชุดเขียวฉวยโอกาสนี้พูด
ทุกคนพยักหน้า ไม่พูดแสดงความเห็นใด
วางแผนจะถวายเครื่องหอมสองชนิด? ที่แท้ตระกูลหลีก็เริ่มป้องกันกู่ฉินเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้วนี่เอง ทั้งยังวางแผนเตรียมการมาอย่างดีเสียด้วย!
มิน่าเล่าไป๋ชิวคนนั้นหลังจากจบงานประชันเครื่องหอมแล้วก็หายตัวไป ที่แท้ก็ถูกตระกูลหลีซ่อนตัวไว้ให้เป็นอาวุธที่ทรงอำนาจนี่เอง ทั้งเพื่อรับมือกับตนเอง และเพื่อให้นางได้โด่งดังระลอกสองในวันนี้!
หากน้ำหอมนี้เป็นของยอดเยี่ยม และถูกเล่าลือออกไปในงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ เชื่อว่ากู่ฉินที่เป็นเสมือนเทพในวงการปรุงเครื่องหอมแห่งแคว้นต้าโจวนี้คงจะตกต่ำลงทันที
ความคิดที่เขาทุ่มเทไปกับตัวกู่ฉินคงสูญเปล่า!
ด้วยอิงอ๋องไม่รู้ว่าเรื่องราวที่มู่หวั่นชิวต้องเก็บซ่อนความสามารถนับแต่จากเมืองซั่วหยางมาเมืองต้าเยี่ยนั้น เป็นไปเพื่อป้องกันกู่ฉินมาทำอันตรายและให้นางยังได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ นางจึงต้องเลือกทำในสิ่งที่ยากลำบาก
เพียงชั่วครู่อิงอ๋องก็เอาเรื่องเหล่านี้รวมไปเป็นแผนร้ายของหลีจวิน ความเกลียดแค้นที่มีต่อหลีจวินพลันเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน เส้นเลือดบนหน้าผากพลันเต้นตุบๆ
หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าฮองเฮา เกรงว่าเขาคงจะตบโต๊ะลงไปแล้ว เขาพยายามขบกรามกลั้นไฟโทสะในใจ แล้วพูดอย่างเย็นชา “หลอกลวง มีแต่ทำให้คนหลงใหลแล้ว!”
เห็นแก่ตระกูลหลีที่ให้ความสำคัญกับงานพระราชพิธีอภิเษกขององค์หญิงหมิงอวี้ ฮองเฮากำลังจะพระราชทานรางวัลให้ พอได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ขมวดคิ้ว
“เหตุใดลูกจึงพูดเช่นนี้”
สายตาทุกคนหันขวับมาที่อิงอ๋องพร้อมกัน
“น้ำหอมแม้จะดีเพียงใดแต่ก็ต้องใช้กับตัวเท่านั้น จะใช้ในงานเลี้ยงกลางคืนขนาดใหญ่ได้อย่างไร” คำพูดประโยคเดียว อิงอ๋องก็พูดถึงจุดอ่อนจุดใหญ่ของน้ำหอมที่แคว้นต้าโจวปรุงออกมาในตอนนี้
คนที่ชอบน้ำหอมก็เพราะกลิ่นที่เป็นธรรมชาติของมันไม่รุนแรงเหมือนเครื่องหอมประเภทกำยาน ทั้งยังใช้ง่าย สามารถพรมไว้บนผ้าได้ทุกเมื่อ หรือจะทาบนข้อมือ ต้นคอ ใต้วงแขนก็ได้ ซึ่งกลิ่นนั้นจะเหมือนกับกระจายมาจากตัวราวกับเป็นกลิ่นกาย เพื่อให้ได้ความชมชอบและให้ได้รับความโปรดปราน การใช้น้ำหอมที่ไร้ร่องรอยนี้ย่อมเหมาะสมที่สุดแล้ว
แต่ว่าจุดอ่อนจุดใหญ่ที่สุดของน้ำหอมนี้ก็คือการกระจายและแทรกซึมของกลิ่นนั้นแย่มาก ไม่เหมือนกับเครื่องหอมประเภทกำยานที่แค่จุดไฟเพียงหนึ่งเตา ควันนั้นก็กระจายไปทั่วห้องในทันที กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกำยานจะแทรกซึมอยู่ในทุกๆ ที่ ทว่าน้ำหอมนี้กลับต้องทาติดตัวไว้ กลิ่นหอมจางๆ เหมือนมีบ้างหายบ้างนี้จึงมีเพียงคนข้างกายเท่านั้นที่ได้กลิ่น ไม่อาจกระจายไปทั่วห้องได้
หากอยากให้ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมก็ทำได้เพียงพรมสาดไปทั่วเหมือนสาดน้ำแล้ว และทุกมุมจะขาดไปไม่ได้ เพราะการกระจายกลิ่นของน้ำหอมไม่ดี ทั้งยังมีการแทรกซึมที่แย่มากด้วยคุณสมบัติของน้ำหอมเป็นของเหลวมิใช่ควัน
โดยเฉพาะตอนที่เติมกลิ่นเพิ่มลงไปนั้น สำหรับเครื่องหอมประเภทกำยานทั่วไปก็เพียงเติมเม็ดหอมหนึ่งเม็ดในเตากำยานที่ตั้งอยู่นิ่งๆ เท่านั้น แต่น้ำหอมนี้กลับไม่เหมือนกัน มันจำเป็นต้องให้คนมาพรมสาดลงไปใหม่
น้ำหอมจึงถูกขนานนามว่าเป็นของหรูหราฟุ่มเฟือย แต่กลับไม่เป็นที่นิยม เรื่องเสียเวลาเสียแรงในการทำนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดคือข้อเสียในส่วนนี้ของมัน คิดดูแล้วในงานเลี้ยงขนาดใหญ่งานหนึ่งนี้ ขณะที่บรรดาแขกเหรื่อกำลังดื่มกินกันอยู่นั้น ฝ่ายเจ้าของงานกลับให้สาวใช้กว่าสิบคนผุดออกมาถือขวดมาพรมสาดน้ำหอมไปทั่ว นึกดูแล้วจะมีสภาพเป็นอย่างไรเล่า
หากน้ำหอมนี้ตกลงไปในสุราอาหารจะเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียนเพียงใดกัน
คิดถึงตรงนี้ ฮองเฮาก็ถอนหายใจพลางแอบพูดในใจว่าตระกูลหลีตั้งใจทุ่มเทถึงเพียงนี้แล้ว น่าเสียดายที่น้ำหอมนี้แม้จะดี แต่ก็ไม่เหมาะจะใช้ในงานเลี้ยงอภิเษก กำลังจะสั่งให้นำผลึกแก้วมาดมกลิ่น ทันใดนั้นก็เกิดความคิดในใจ ขั้นตอนการทำน้ำหอมนี้ยุ่งยากมาก ทั้งยังมีเงื่อนไขจำกัดมีลูกเล่นอะไรได้ไม่มากนัก น้ำหอมตระกูลหลีที่ทูลถวายมาหลายปีก็มีซ้ำกันหลายชนิด ไป๋ชิวคนนี้เพิ่งจะเข้าสู่วงการ ในเมื่อเป็นศิษย์ของโหยวไห่ คิดว่านางคงไม่โดดเด่นถึงขั้นใดนัก ถ้าเปิดตัวต่อหน้าทุกคน แต่สุดท้ายยังคงเป็นเม็ดหอมเศร้าอาดูรของหลิ่วเฟิ่งที่เอาชนะไปได้ คงเป็นการเสียความตั้งใจของตระกูลหลี…
อีกอย่างเม็ดหอมเศร้าอาดูรของหลิ่วเฟิ่งเองก็เอาชนะใจของทุกคนได้แล้วด้วย!
ความคิดแล่นผ่าน ฮองเฮาจึงเปลี่ยนคำพูดว่า “ลูกพูดถูก น้ำหอมนี้ใช้ในงานเลี้ยงกลางคืนไม่เหมาะสมจริงๆ…” นางสั่งการชุยเฉวียน “มีคำสั่งเราลงไป มอบเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึงทองให้ตระกูลหลี มอบคทาหยก* ให้ไป๋ชิวหนึ่งอัน” แล้วหันไปทางนางกำนัลชุดเขียว “เจ้าลงไปเถอะ”
สิ้นเสียงพูด ภายในตำหนักก็มีเสียงวุ่นวาย ทุกคนมองไปทางฮองเฮาอย่างไม่เชื่อสายตา
ยังไม่ได้ลองดมกลิ่นดูเลยก็จะคัดทิ้งแล้วหรือ