“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” อิงอ๋องวางรายงานในมือลงบนโต๊ะ “พวกเจ้าใครจะอธิบายให้ข้าฟังได้บ้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน” สายตาของเขากวาดมองพวกจูชุนที่ยืนเงียบๆ อยู่สองข้าง “บอกว่าตระกูลหลีจะล่มสลายแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ถึงยังอยู่ดีเล่า”
นิ้วมือชี้ไปทางทุกคน
“พวกเจ้าบอกว่าขอเพียงลดจำนวนเครื่องหอมบรรณาการของตระกูลหลีอย่างกะทันหัน ฤดูฝนนี้ก็สามารถทำให้ตระกูลหลีขาดทุนจนยากจะกลับมาได้แล้วมิใช่หรือ! ข้าเชื่อคำพวกเจ้า จึงได้คิดหาวิธีลดจำนวนเครื่องหอมบรรณาการของตระกูลหลี…” เขาพูดทีละคำอย่างช้าๆ ทันใดนั้นก็ตบโต๊ะ “แต่ตอนนี้ฤดูฝนใกล้จะผ่านไปแล้ว เหตุใดตระกูลหลียังไม่ล่มสลายอีก พวกเจ้าลองว่ามาซิ เหตุใดตระกูลหลีจึงยิ่งโด่งดังขึ้นทุกวัน” เขาโยนรายงานไปตรงหน้าทุกคน “เหตุใดเสด็จแม่ทรงยกน้ำหอมสังสารวัฏกับขี้ผึ้งเหลวกลิ่นดอกไม้ขึ้นเป็นเครื่องหอมบรรณาการอีก”
ทุกคนทรุดลงคุกเข่าบนพื้น
ชุยเจี๋ยเก็บรายงานขึ้นมา รีบอ่านอย่างเร็วหนึ่งรอบจึงโขกหัวพูดว่า “ท่านอ๋องทรงคลายโกรธลงด้วย กระหม่อมคิดว่าที่เรื่องมีความเปลี่ยนแปลง สาเหตุนั้นมาจากไป๋ชิว…” แล้วโขกหัวอีกหนึ่งครั้ง “เพราะกระหม่อมประเมินฝีมือของนางต่ำเกินไป นางเหนือกว่าปรมาจารย์กู่ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเทพเสียอีก ครั้งนี้หากไม่ใช่นางออกมือ ตระกูลหลีก็…” เสียงนั้นขาดห้วงไป เขาเงยหน้าขึ้นทันใด “ท่านอ๋องอย่าทรงกังวล กระหม่อมคิดว่าความโด่งดังของร้านหลีจี้เป็นเพียงเปลือกนอก ปัญหาที่แท้จริงยังคงไม่คลายไป”
“หมายความว่าอย่างไร”
“ดูจากรายงานนี้แล้ว ความโด่งดังของหลีจี้ก็อยู่ที่ขี้ผึ้งเหลวกลิ่นดอกไม้และน้ำหอมสังสารวัฏ ขณะที่เครื่องหอมอื่นยังคงขายไม่ออก สินค้าชุดใหญ่ที่กองอยู่ในคลังของร้านหลีจี้ขอเพียงหนึ่งวันขายไม่ออก ปัญหานี้ก็ไม่อาจคลายลงได้ นอกเสียจาก…” เสียงพูดของเขาผ่อนลง
ทุกคนล้วนเงยหน้าขึ้น
“นอกเสียจากเครื่องหอมเหล่านี้จะเป็นเหมือนกับเม็ดหอมบุปผาสวรรค์ที่ถูกปรับแก้เป็นกระวานหอมบุปผาสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์…”
“เจ้าคิดว่าตระกูลหลีไม่มีทางทำเช่นนี้ได้หรือ” อิงอ๋องมองหน้าชุยเจี๋ยอย่างดุดัน
ชุยเจี๋ยตัวสั่น “กระหม่อมคิดว่าขอเพียงตระกูลหลีมีไป๋ชิวอยู่ ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้”
“ที่ตระกูลหลีครั้งนี้เป็นปลาเค็มพลิกตัว* ล้วนเป็นเพราะไป๋ชิว คนผู้นี้สามารถทำเรื่องอัศจรรย์ได้” สื่อเหวินฉวยโอกาสพูดเสริม “ท่านอ๋องจะทรงประมาทไม่ได้เด็ดขาด”
“ไป๋…ชิว…” อิงอ๋องพูดพึมพำประโยคหนึ่ง “เรามีคำสั่งลับว่าถ้านางไม่เชื่อฟังให้ฆ่าได้เลย” ในดวงตาฉายแววเย็นเยือกในทันที เขามองจูชุนอย่างเย็นชา “เหตุใดนางยังมีชีวิตอยู่ดี!”
จูชุนโขกหัวไม่หยุด “กระหม่อมไร้ความสามารถ กระหม่อมทำพลาด” เขาเล่าเรื่องตอนที่ไล่ฆ่ามู่หวั่นชิวออกมา แต่กลับซ่อนเรื่องที่หร่วนอวี้ยื่นมือเข้าช่วยเอาไว้ “คนข้างกายนางล้วนเป็นหน่วยเงาที่ดีที่สุดของตระกูลหลี”
“หร่วนอวี้เล่า” อิงอ๋องสีหน้าโกรธเกรี้ยว “เขาไปอยู่ที่ใด”
ขอเพียงหร่วนอวี้ลงมือ ตระกูลหลีจะมีหน่วยเงาเท่าใดนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
“คืนนั้นผู้บัญชาการหร่วนถูกใต้เท้าฉินรั้งตัวไว้ ปลีกตัวไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” อย่างไรก็เป็นพี่น้องที่ร่วมเสี่ยงชีวิตกันมา เรื่องมาถึงตัวเช่นนี้ สุดท้ายจูชุนก็ใจร้ายไม่พอที่จะผลักหร่วนอวี้ออกมา
กระพุ้งแก้มของอิงอ๋องสั่นไปหลายที หน้าเขียวคล้ำด้วยพูดอะไรไม่ออก
“ฉินต้าหลงเป็นสุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของตระกูลหลี” ชุยเจี๋ยพูด “หนึ่งปีมานี้ที่ผู้บัญชาการหร่วนไม่มีผลงานอะไรก็เพราะถูกเขาขวางเอาไว้”
“เจ้าเมืองต้าเยี่ยควรเปลี่ยนคนได้แล้ว” จูชุนโขกหัวพูด
“ฉินต้าหลงอาศัยการสนับสนุนจากตระกูลหลี นับว่ามีผลงานโดดเด่น หากจะลดขั้นเขาเกรงว่าฮ่องเต้จะทรงสงสัยเอาได้” ชุยเจี๋ยพูด
“เช่นนั้นก็เลื่อนขั้น!” สื่อเหวินพูดอย่างเด็ดขาด “ตราบใดที่ตระกูลหลียังไม่ล่ม การใหญ่ของท่านอ๋องก็สำเร็จได้ยาก!”
อิงอ๋องไม่ได้พูดจา ในดวงตาฉายความเหี้ยมโหด