ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่ม 6 ตอนที่ 2
เดินออกจากปากถ้ำแล้ว เงาร่างคนที่ยืนหันมาทางปากถ้ำก็ทำให้มู่หวั่นชิวตกใจ นางเอามือจับหินตรงปากถ้ำ แล้วจ้องตรงไป เขาคือหวังชีที่ก่อนหน้านี้นางได้ค้นหาทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลไป๋แล้วก็ยังไม่เจอตัว นางจึงเดินเข้าไปถามว่า “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่”
หวังชีโค้งคำนับ “บ่าวรับคำสั่งให้คุ้มครองแม่นางไป๋!”
“คุ้มครองข้า?” เห็นเขาพูดอย่างหนักแน่น มู่หวั่นชิวก็รู้สึกเคืองขุ่น “ข้าอยู่คฤหาสน์ตระกูลไป๋แล้วไยไม่เห็นเจ้า…” เสียงพูดชะงักไปทันใด “เจ้าสะกดรอยตามข้ามาที่ถ้ำนี้หรือ”
ไม่เช่นนั้น…เขาจะมารอนางที่นี่ได้อย่างไร
“บ่าวรับคำสั่งเพียงคุ้มครองความปลอดภัยของแม่นางไป๋ ไม่ได้ให้มารับคำสั่งจากแม่นางไป๋…” หวังชียืดอกพูดโดยไม่เหลือบมองนาง
นี่เป็นคำสั่งของหลีจวินจริง ด้วยเกรงว่ามู่หวั่นชิวจะสั่งพวกเขาให้ออกไปทำงาน แล้วข้างกายนางไม่มีคนอยู่จะเป็นอันตรายได้ หลีจวินจึงมีคำสั่งเด็ดขาดให้พวกเขารับผิดชอบคุ้มครองมู่หวั่นชิวเท่านั้น รับปากว่าจะไม่ห่างจากข้างกายนางแม้แต่ชั่วขณะเดียว เรื่องอื่นทุกอย่างล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่เพียงแต่มู่หวั่นชิวแม้แต่นายท่านหลีก็สั่งพวกเขาไม่ได้ ดังนั้นก่อนหน้านี้ต่อให้มู่หวั่นชิวนำคนไปตะโกนเรียกจนคอแตก หวังชีกับอวี๋จิ่วก็ได้แต่หลบอยู่บนหลังคาเฝ้าดูความคึกคักโดยที่ไม่ยอมออกมา จนกระทั่งมู่หวั่นชิวขึ้นรถม้าออกจากคฤหาสน์ตระกูลไป๋แล้ว พวกเขาจึงตามติดออกมา…
“เจ้า…” ในใจมู่หวั่นชิวเคร่งเครียด ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้ผ่อนลมหายใจ “ช่างเถอะ” นางผ่อนเสียงลง “ถึงข้าจะสั่งพวกเจ้าไม่ได้ก็จริง แต่พวกเจ้าตามข้ามาจนถึงที่นี่ เห็นคุณชายเจิงได้รับบาดเจ็บแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่เข้าไปช่วย”
หากพวกเขายอมออกหน้าก็คงไม่ถูกหลีจวินเห็นภาพน่าอึดอัดใจเช่นนั้น
ไม่รู้เพราะเหตุใดเพียงคิดว่าจะถูกหลีจวินดูถูกตนเองด้วยเหตุนี้ หัวใจมู่หวั่นชิวก็เกิดความรำคาญใจอย่างไร้สาเหตุ
“คุณชายใหญ่สั่งเอาไว้ บ่าวรับผิดชอบคุ้มครองแค่ความปลอดภัยของแม่นางไป๋เท่านั้น จะไม่ยุ่งเกี่ยวงานใดของแม่นางไป๋” หวังชีพูดอย่างเต็มปาก
นั่นคือเห็นคนจะตายก็ไม่ช่วยหรือ!
มองหวังชีที่เชิดหน้าพลางยืดอกมองตรงแล้ว มู่หวั่นชิวก็อยากจะลองเคาะหัวเขาดูว่าทำจากไม้มาหรือไม่ เหตุใดไม่รู้จักโค้งลงบ้างเลย ปล่อยให้นางที่เป็นหญิงไปทำแผลให้ชายฉกรรจ์ ทำให้หลีจวินต้องเข้าใจผิด
มู่หวั่นชิวริมฝีปากขยับ อยากจะสอบถามต่ออีกสองสามประโยค แต่ก็รู้สึกว่าคนประเภทนี้ไม่มีอะไรให้พูดด้วยจริงๆ นางจึงถอนหายใจแล้วก้าวเท้าเดินลงเขาไป หากอยู่ต่อหน้าหวังชีต่อ นางคิดว่าตนเองคงทนไม่ไหวจนต้องด่าคนออกมาแน่
“แม่นางไป๋หยุดก่อน” หวังชีขยับมาขวางหน้านาง “คุณชายใหญ่สั่งให้บ่าวคุ้มครองแม่นางไป๋ ให้แม่นางไป๋รอเขาอยู่ตรงนี้ขอรับ”
หลีจวิน?
มู่หวั่นชิวขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปากถาม “พี่หลีตามมาถึงที่นี่ได้อย่างไร”
“ยามที่หน่วยเงาตระกูลหลีมีความเคลื่อนไหว พวกเราล้วนทิ้งเครื่องหมายพิเศษเอาไว้” หวังชีพูดชี้แจง “คิดว่าคุณชายใหญ่ที่เดินทางกลับมาแล้วไม่พบแม่นางไป๋ จึงได้ตามเครื่องหมายที่บ่าวทิ้งเอาไว้มา”
หวังชีเดาไม่ผิด พอหลีจวินกลับถึงแคว้นต้าโจวก็ได้ยินเรื่องมู่หวั่นชิวถูกคนไล่ฆ่า ด้วยความกังวลเขาไม่กล้าเสียเวลารีบรุดเดินทางกลับมาทันที เข้าเมืองต้าเยี่ยแล้ว แม้แต่บ้านก็ไม่กลับไปกลับวิ่งตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลไป๋ ใครจะรู้ว่าไปถึงแล้วจะกลายเป็นเสียเปล่า
พวกหลันเซียงล้วนไม่รู้ว่ามู่หวั่นชิวไปที่ใด
ดังนั้นหลีจวินจึงเดินตามเครื่องหมายที่หวังชีทิ้งไว้ตลอดทางจนมาถึงที่นี่ ได้ยินหวังชีพูดว่ามู่หวั่นชิวอยู่ในถ้ำ เขาจึงเดินเข้าไป เห็นภาพที่เจิงฝานซิวสัญญาจะแต่งงานกับมู่หวั่นชิวเข้าพอดี ความโกรธเกรี้ยวในใจแค่คิดก็รู้ได้ เขาไม่อยากให้มู่หวั่นชิวอยู่กับเจิงฝานซิวที่สวมเสื้อไม่เรียบร้อยจึงไล่นางออกมานอกถ้ำ แต่ก็กลัวว่านางจะเดินหายไปจึงใช้เสียงลับสั่งหวังชีให้เฝ้ามู่หวั่นชิวรอเขาอยู่ข้างนอก
ให้นางรอเขาอยู่ตรงนี้?
ได้ยินคำพูดของหวังชี มู่หวั่นชิวก็หันหน้าไปมองเขา คิดถึงก่อนหน้านี้ที่อยู่เย็บบาดแผลให้กับเจิงฝานซิวตามลำพังแล้วถูกหลีจวินมาเห็นเข้า นางย่อมไม่มีความกล้ามากพอจะอยู่ตรงนี้เพื่อรอพวกเขาสองคนออกมาแน่นอน นางจึงตัดสินใจพูดว่า “เจ้าแจ้งพี่หลีกับพี่เจิงทีว่าคฤหาสน์ตระกูลไป๋ยังมีงานรออยู่ ข้าต้องกลับไปก่อน” พูดจบก็เดินอ้อมตัวหวังชีจะลงเขาต่อไป
“คุณชายใหญ่สั่งให้แม่นางไป๋รอเขา…” หวังชีขยับตัวไปขวางมู่หวั่นชิวเอาไว้
คุณชายใหญ่สั่ง คุณชายใหญ่สั่ง เขาช่างเชื่อฟังคำสั่งเสียจริง!
ไฟโทสะของมู่หวั่นชิวปะทุออกมาในที่สุด “คุณชายของเจ้าจะมายุ่งกับข้าไม่ได้หรอกนะ!” พูดจบ เห็นหวังชีขวางทางไม่ยอมถอยให้ มู่หวั่นชิวจึงเอี้ยวตัวเดินเข้าพุ่มไม้ด้านข้าง แล้วเดินมุ่งไปทางป่าทึบ
นางเคยหนีเอาชีวิตรอดคนเดียวในป่าลึกมาก่อน ผ่านวันเวลาที่เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่พูดเช่นนั้นมาแล้ว นางจึงไม่สนใจหากจะต้องเดินผ่านป่านี้ไป
“แม่นางไป๋ช้าก่อน…แม่นางไป๋…” คาดไม่ถึงว่ามู่หวั่นชิวโมโหแล้วจะเดินเข้าพุ่มไม้ไปอย่างนี้ ในนั้นมีหนามอยู่ทั่ว ทั้งมีงูหนอนปนเปอันตรายอย่างมาก ในป่านั้นทั้งทึบและครึ้ม เห็นมู่หวั่นชิวเดินเข้าไปในนั้นแล้ว จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ ขวางก็ขวางไม่ได้ อย่างไรชายหญิงก็ไม่ควรเข้าใกล้กัน หวังชีไม่กล้าเข้าไปอุ้มมู่หวั่นชิวออกมา เขาจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกอย่างร้อนใจอยู่ด้านหลังมู่หวั่นชิวเท่านั้น
เห็นมู่หวั่นชิวสองมือแหวกพุ่มไม้ยิ่งเดินยิ่งลึกจวนจะหายลับเข้าไปในพุ่มไม้แล้ว หวังชีจึงหันหน้าไปมองในถ้ำ สุดท้ายก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แอบคิดในใจว่าสนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว ข้าตามแม่นางไป๋ไปก่อนอย่าให้เกิดเรื่องจะดีกว่า…คิดถึงตรงนี้หวังชีก็หันหน้ากลับมา กำลังคิดจะเดินตามมู่หวั่นชิวไป ทว่าพอช้อนตาขึ้นแล้วก็ต้องตกใจ
รอบข้างเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงลมเอื่อยพัดพุ่มไม้ไหว มีเงาร่างของมู่หวั่นชิวเสียที่ใด
นางไม่มีวิชาตัวเบา เป็นแค่หญิงอ่อนแอ เวลาแค่เพียงพริบตานี้จะไปที่ใดได้เล่า
เพียงชั่วครู่หวังชีก็มีเหงื่อผุดเต็มตัว
เขากระโดดลอยตัวเข้าไปในพุ่มไม้ “แม่นางไป๋! แม่นางไป๋!” ปากร้องตะโกน เขาเดินหาไปมาในพุ่มไม้อยู่สามสี่รอบ กระทั่งพุ่มไม้ถูกเหยียบจนราบไปหมดแล้วก็ยังไม่พบเงาร่างของมู่หวั่นชิวสักที