หร่วนอวี้หน้าซีดขาวขึ้นมาอย่างช้าๆ
“พี่สามเป็นอะไรไป” เห็นหร่วนอวี้หน้าซีดขาวอยู่นานโดยไม่พูดจา หลิ่วเฟิ่งจึงยื่นมือไปกุมมือเขาเอาไว้
แม้หร่วนอวี้อยากจะสะบัดออกเพียงใด ทว่าสมองที่ตื่นตัวชัดเจนขึ้นนั้นทำให้เขาเปลี่ยนมากุมมือของหลิ่วเฟิ่งไว้ แล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “อาเฟิ่งพูดเช่นนี้ข้าก็นึกขึ้นได้พอดี ตอนที่ปรมาจารย์ไป๋ปรากฏตัวครั้งแรกที่เมืองผิงเฉิงนางสวมเสื้อผ้าเก่าขาด ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบที่เมืองผิงเฉิง เผื่อว่าจะสามารถตรวจสอบได้ว่านางร่อนเร่มาจากที่ใดก่อนจะเข้ามาในเมืองผิงเฉิง”
“เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบอีกหรือ” หลิ่วเฟิ่งพยักหน้าอย่างมั่นใจ “นางก็คือลูกสาวอัครเสนาบดีมู่! ตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยต้องอยู่ในมือนางแน่นอน! พี่รองเคยบอกว่าก่อนอัครเสนาบดีมู่จะได้รับโทษนั้นใต้เท้าจั่วก็เคยไปที่จวนอัครเสนาบดีมู่บ่อยครั้งมิใช่หรือ เขาต้องรู้จักนางแน่ พี่สามลองไปพบใต้เท้าจั่วดู ให้เขาช่วยยืนยัน ท่านกับใต้เท้าจั่วจะได้ไปจับตัวนางพร้อมกันเสียเลย” เห็นหร่วนอวี้หน้าซีดลงทุกที หลิ่วเฟิ่งก็เกิดความอิจฉาขึ้นมาอย่างมาก “พี่สามฆ่านางไม่ลงใช่หรือไม่” แล้วพูดอย่างเศร้าสลดว่า “ถูกความงามของนางทำให้หลงใหล แม้แต่หนี้แค้นพี่สามก็จะไม่เอาคืนแล้วหรือ!”
แม้แต่หนี้แค้นพี่สามก็จะไม่เอาคืนแล้วหรือ!…
เสียงแหลมเล็กราวกับผีร้ายดังสะท้อนอยู่ในหูหร่วนอวี้รอบแล้วรอบเล่า ทำให้เขาจำได้อย่างชัดเจนถึงคำพูดนี้ของหลิ่วเฟิ่งในความฝันเมื่อคืนที่บีบให้เขาอีกคนทำร้ายมู่หวั่นชิว มีชั่วขณะหนึ่งที่เขาอยากจะซัดหลิ่วเฟิ่งในฝ่ามือเดียว
โคจรพลังอยู่หลายรอบ กว่าที่หร่วนอวี้จะสะกดความฉุนเฉียวในใจนั้นเอาไว้ได้
เขากอดหลิ่วเฟิ่งไว้แน่นทำให้ร่างนั้นสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะโน้มตัวลงแล้วพึมพำข้างหูนาง “หลายปีมาแล้ว ข้ากลับไม่รู้เลยว่านางเป็นลูกสาวศัตรูของข้า เพื่อนางแล้วข้าถึงกับเย็นชาต่ออาเฟิ่ง ข้าสมควรตายนัก ทำให้อาเฟิ่งต้องเจ็บช้ำน้ำใจแล้ว”
มู่หวั่นชิวมาเมืองต้าเยี่ยแค่สองปี นานหลายปีเสียที่ใด
แต่เพราะถูกคำพูดประโยคหลังทำให้ยินดี หลิ่วเฟิ่งจึงไม่สังเกตเห็นคำพูดผิดปกติของหร่วนอวี้ หลายปีมานี้ทุกครั้งที่พูดถึงความแค้นของวงศ์ตระกูล นางก็จะเห็นความมุ่งมั่นอันบ้าคลั่งในดวงตาหร่วนอวี้ ในใจก็แอบคิดว่าที่แท้เขาถูกฐานะของนางปีศาจนั่นทำให้ตกใจ ข้าคิดว่าเขาไม่เชื่อข้า คิดว่าข้าใส่ร้ายนางเสียอีก หลิ่วเฟิ่งดมกลิ่นหอมภายในห้อง กอปรกับลมหายใจอุ่นชื้นของหร่วนอวี้ที่รดผ่านต้นคอ นางรู้สึกร้อนไปทั่วตัว บิดตัว แล้วส่งเสียงพึมพำ “ขอเพียงพี่สามชอบก็พอ อาเฟิ่งจะเจ็บช้ำน้ำใจได้อย่างไร น่าเสียดาย พี่สามมีความรักลึกซึ้งต่อนาง แต่นางกลับ…”
“อาเฟิ่ง…” ไม่รอให้หลิ่วเฟิ่งพูดจนจบ หร่วนอวี้พลันเรียกนางเสียงเบา แล้วจุมพิตต้นคอขาวนวลของนาง
หลิ่วเฟิ่งชาไปทั้งร่าง ส่งเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ลืมคำพูดยุยงที่วนอยู่ตรงปลายลิ้นซึ่งจะให้หร่วนอวี้ฆ่ามู่หวั่นชิวไปเลย “พี่สาม…” นางครางชื่อแล้วโถมตัวเข้าหา
หร่วนอวี้คำรามเสียงเข้ม กระชากเสื้อของหลิ่วเฟิ่งออก เผยให้เห็นผิวขาวนวล เนินอกทั้งคู่ปรากฏแก่สายตา ภายใต้การหยอกเย้าของหร่วนอวี้ ตุ่มไตสีแดงเข้มบนยอดเนินก็ชูชันขึ้น ก่อนจะถูกหร่วนอวี้ใช้ปากครอบครองแล้วดูดดึงอย่างแรง
ความเร่าร้อนอันน่าหลงใหลนี้ทำให้เลือดลมพลุ่งพล่านผสานด้วยเสียงครางของหลิ่วเฟิ่งกระจายไปทั่วห้อง
“พี่สาม…อย่า…” รับรู้ว่ามือของหร่วนอวี้สำรวจไปยังส่วนที่อยู่กลางลำตัวของนาง หลิ่วเฟิ่งก็สะดุ้ง เอ่ยปากเรียกทันที นางเองก็ได้สติมากขึ้นแล้ว
เมื่อก่อนก็เคยคลอเคลียกับหร่วนอวี้เช่นกัน แต่หร่วนอวี้ไม่เคยแตะต้องส่วนนั้นของนางมาก่อน
กายช่วงล่างเกิดความร้อนรุ่มและว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลิ่วเฟิ่งอยากได้มากกว่านี้ แต่ด้วยสติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ทำให้นางคิดถึงเรื่องที่ตนเองรับปากท่านพ่ออย่างชัดเจนว่า…จะแต่งงานกับพี่รองหลิงเทา
เมื่อคิดว่าจะต้องแยกจากเขา กระทั่งกลายเป็นคนแปลกหน้ากันนับจากนี้ เพียงชั่วครู่น้ำตาของหลิ่วเฟิ่งก็ไหลพรากลงมา นางผลักตัวหร่วนอวี้ออกอย่างไร้เรี่ยวแรง “พี่สาม อย่า…”
ต่อให้หลิงเทาจะชอบนางเพียงใด อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมที่นางไม่บริสุทธิ์ก่อนแต่งงานแน่นอน