ความรู้สึกในใจถาโถมไม่หยุด มู่หวั่นชิวมองจั่วเฟิงด้วยสายตางุนงง “ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ากำลังพูดอันใดอยู่” แล้วถามอีกว่า “ข้าน้อยเป็นนักปรุงเครื่องหอมระดับหนึ่งที่ฝ่าบาทพระราชทานตำแหน่งให้ ได้รับการดูแลเทียบเท่าขุนนางขั้นห้า ใต้เท้าจั่วจับข้าน้อยมาอย่างไร้หลักฐานเช่นนี้ ไม่กลัวฝ่าบาทจะทรงเอาโทษ ลดตำแหน่งของท่านหรือ”
จั่วเฟิงมองไปซ้ายขวา แล้วโบกมือไล่ทหารให้เดินออกไปไกลๆ จากนั้นจึงพูดเสียงเบาว่า “อัครเสนาบดีมู่เป็นอาจารย์ผู้มีคุณของข้า มีบุญคุณล้นฟ้า ศิษย์น้องวางใจได้ ไม่ว่าอย่างไรข้าจะคิดหาวิธีช่วยเจ้าออกไปแน่นอน ที่นี่ไม่มีคนนอกแล้ว ศิษย์น้องไม่ต้องปิดบังข้าหรอก” เขาแสดงสีหน้าละอายแก่ใจ “หลายปีมานี้ถูกอิงอ๋องบังคับให้ต้องทำเรื่องที่ขัดต่อจิตใจมากมาย ทุกคืนเงียบสงบ ข้าก็จะสารภาพความผิดต่อหน้าวิญญาณอาจารย์ ตอนนี้หาตัวศิษย์น้องเจอแล้ว ในที่สุดข้าก็มีโอกาสแสดงความกตัญญูต่ออาจารย์เสียที ศิษย์น้องต้องให้โอกาสนี้กับข้าด้วยเล่า” น้ำเสียงจริงใจอย่างมาก เขามองหน้ามู่หวั่นชิวอย่างกระตือรือร้น
จั่วเฟิงเพิ่งได้รับคำสั่งลับจากอิงอ๋อง ไม่ว่ามู่หวั่นชิวจะเป็นลูกสาวอัครเสนาบดีมู่หรือไม่ หากจับตัวได้ ให้ฆ่าทันที แต่ว่าเขาก็มีแผนของเขาเช่นกัน ยามนี้องค์รัชทายาทถูกปล่อยออกจากวังหย่งอัน สามารถเดินเข้าออกห้องทรงพระอักษรได้อย่างอิสระ การคืนตำแหน่งเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น อำนาจใหญ่ของอิงอ๋องหมดไปแล้ว ในเวลาเช่นนี้เขาก็ไม่ได้อยากจะตายไปพร้อมกับอิงอ๋อง
มู่หวั่นชิวเป็นต้นไม้เรียกเงิน หากสามารถทำเหมือนที่ตระกูลหลิ่วทำกับกู่ฉิน สร้างฉากให้นางตายในคุก จากนั้นก็แอบเลี้ยงดูนางไว้ที่เรือนหลัง เพียงเท่านี้ก็เท่ากับเขาได้ทั้งคนและฝีมือของนางมิใช่หรือ
แม้อิงอ๋องจะล้ม เขาก็สามารถทิ้งตำแหน่งมาทำการค้า บั้นปลายชีวิตสามารถมีเงินทองรุ่งเรืองได้เช่นกัน
ต่อให้ไม่ต้องรอให้ถึงขั้นนั้น วันนี้เขาช่วยมู่หวั่นชิวเอาไว้ได้ วันหน้าองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แล้ว หากช่วยพลิกคืนความยุติธรรมให้อัครเสนาบดีมู่ เขาก็จะอาศัยมู่หวั่นชิวกระโดดขึ้นบนเรือขององค์รัชทายาทได้เช่นกัน
คิดคำนวณดูแล้ว มู่หวั่นชิวจะตายไม่ได้เป็นอันขาด การมาขอสานสัมพันธ์กับนางนั้นเขาทำด้วยความจริงใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้างดงามของมู่หวั่นชิว จินตนาการภาพว่าสาวงามเช่นนี้ยามที่ต้องถูกตนเองกดไว้ใต้ร่างเพื่อหาความสำราญ ความปรารถนาของจั่วเฟิงก็พลุ่งพล่าน สายตาที่มองมู่หวั่นชิวเต็มไปด้วยความรักและเมตตา
ไม่ว่าอย่างไรก็จะคิดวิธีช่วยนางออกไปหรือ
มู่หวั่นชิวยิ้มเยาะอยู่ในใจ แอบคิดว่าถ้าอยากช่วยข้าจริง เจ้าก็ไม่ต้องจับข้ามาก็พอ จะมาทำเป็นแมวร้องไห้สงสารหนู อยู่ที่นี่ให้เหนื่อยไปไยเล่า ในใจหัวเราะเย็นชา แต่มู่หวั่นชิวกลับพูดเสียงเรียบว่า “ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ว่าใต้เท้าพูดอันใด” นางเปลี่ยนประเด็นพูดไป “ข้าน้อยถูกใต้เท้าจับมาอย่างไร้ความผิด ไม่เป็นธรรมเลยจริงๆ ถ้าใต้เท้ามีใจสงสารจริงก็ปล่อยข้าน้อยกลับไปเถอะ” นางมองหน้าจั่วเฟิงอย่างจริงใจ “ข้าน้อยจะจุดธูปขอพรให้ใต้เท้าจั่วทั้งเช้าเย็นแน่นอน”
จั่วเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไป แต่แล้วก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า
“ข้างนอกลือกันว่าปรมาจารย์ไป๋เป็นลูกสาวของอัครเสนาบดีมู่ ที่ปรมาจารย์ไป๋ทำเครื่องหอมชั้นเลิศออกมาได้เพราะในมือมีตำราวิชาปรุงเครื่องหอมตระกูลเว่ยอยู่ ปรมาจารย์ไป๋จะปิดบังไปเพื่ออันใดอีก” เขาเปลี่ยนประเด็น แล้วพูดกล่อมไม่หยุด “ที่ต้องเชิญปรมาจารย์ไป๋มาถึงที่นี่ ข้าเองก็ทำไปเพราะความจนใจ หร่วนอวี้ได้รับคำสั่งลับจากอิงอ๋องแล้วว่าให้ฆ่าเจ้า และเพื่อให้แม่นางหลิ่วสมหวัง วันสองวันนี้เขาต้องลงมือฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน” เขามองมู่หวั่นชิวด้วยสายตาบีบคั้น “มีเพียงสถานที่นี้จึงจะปลอดภัยที่สุด!”
ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว มู่หวั่นชิวก็สะดุ้ง แอบคิดในใจ อิงอ๋องเกลียดข้ามากกระมัง ทั้งที่รู้ว่าอำนาจหมดไปแล้ว เขาก็ยังคิดจะดึงข้าให้ไปตายด้วย!