ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเซียนเครื่องหอม เล่ม 7 ตอนที่ 5
จั่วเฟิงตัวสั่นกระตุกอีกหน แววตาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็สลดลงไปอีก เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ข้าไม่รับปากคุณชายใหญ่ แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับเรื่องสำคัญ…” บากหน้าเล่าคร่าวๆ เรื่องที่หร่วนอวี้ยื่นเท้าเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วสุดท้ายก็พูดว่า “นอกจากใช้เงินมาประกันเพื่อรอการสอบสวนแล้ว คุณชายหลียังมีคำร้องขออย่างอื่นหรือไม่ ข้าจะพยายามทำอย่างเต็มที่”
อย่ามองว่าหลีจวินมีเงินมากแล้วจะใช้เงินจนมือเติบ จั่วเฟิงที่เข้าใจนิสัยของหลีจวินย่อมรู้ว่าเงินของอีกฝ่ายไม่ได้ถูกใช้ไปอย่างเสียเปล่าแน่นอน
ยามพูดคุยกับหลีจวินก็ดูอ่อนข้อให้สามส่วนโดยไม่รู้ตัว
“ใต้เท้าจั่วคิดจะยื่นฎีกาเรื่องนี้ไปที่ราชสำนักหรือ” หลีจวินขมวดคิ้วถาม
จั่วเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ “ผู้บัญชาการหร่วนยืนยันจะยื่นมือเข้ามายุ่ง ข้าจำต้องทำเพราะถูกบีบคั้น”
หลีจวินเกิดความคิด แอบคิดในใจว่าองค์รัชทายาททรงเดินเข้าออกห้องทรงพระอักษรได้แล้ว ถ้ารู้ว่าอาชิวเป็นลูกของอัครเสนาบดีมู่ องค์รัชทายาทจะต้องปกป้องชีวิตนางอย่างเต็มที่แน่นอน หร่วนอวี้ทำเช่นนี้เพราะอยากช่วยชีวิตนาง แต่ว่า…เขาเงยหน้าขึ้น “เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าน้อยก็ไม่กล้าทำให้ใต้เท้าจั่วลำบากใจ เพียงขอให้ใต้เท้าจั่วจำไว้ว่าปรมาจารย์ไป๋ไม่เหมือนกับคนทั่วไป นางเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นนักปรุงเครื่องหอมระดับหนึ่งที่ฝ่าบาทพระราชทานตำแหน่งให้ ถ้าโชคร้ายตายอยู่ในคุก ใต้เท้าจั่วจะกลายเป็นคนผิดไปเลย!”
เรื่องนี้จั่วเฟิงไม่เคยคิดมาก่อน พอได้ฟังคำพูดนี้แล้วเขาก็มีเหงื่อไหลลงมา
“อีกอย่าง…” ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก หลีจวินก็พูดต่อไปอีก “ปรมาจารย์ไป๋เป็นน้องสาวบุญธรรมของเอินชินอ๋องแคว้นเฉิน พูดไปแล้วก็เป็นท่านหญิงของแคว้นเฉิน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนาง เอินชินอ๋องคงไม่ยอมเลิกราแน่นอน”
จั่วเฟิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากไม่หยุด เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่ถึงควบคุมตนเองไม่ให้เสียมารยาทได้
ก่อนหน้านี้คิดแค่เพียงจะชิงอำนาจ อยากชุบเลี้ยงมู่หวั่นชิวที่เป็นต้นไม้เรียกเงินเอาไว้ ทั้งยังเคยตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าหากทำอะไรไม่ได้แล้วเขาก็จะชิงฆ่ามู่หวั่นชิวตัดหน้าหร่วนอวี้เสียเลย แล้วไปเอาความชอบจากอิงอ๋อง ฉวยโอกาสตอนที่อิงอ๋องยังไม่หมดอำนาจขอให้อิงอ๋องเตรียมทางหนีทีไล่ด้วยการหาสถานที่ที่ปลอดภัยไว้ให้ แต่คิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังมู่หวั่นชิวจะมีอำนาจเหล่านี้อยู่
โดยเฉพาะเรื่องที่นางเป็นน้องสาวบุญธรรมของเอินชินอ๋อง เขาได้ลืมไปนานแล้ว
ได้หลีจวินเตือนสติ เขาก็เข้าใจในทันที เรื่องที่อยากจะชุบเลี้ยงหรือฆ่ามู่หวั่นชิวล้วนทำไม่ได้ ไม่เพียงไม่ได้ อีกทั้งจะให้เกิดเรื่องอันใดกับมู่หวั่นชิวตอนที่นางอยู่ในมือเขาไม่ได้เป็นอันขาด ก่อนพระราชโองการจะลงมา เขาต้องคุ้มครองมู่หวั่นชิวให้ดี
ความร่ำรวยในความเสี่ยงเช่นนี้หากเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะลองเสี่ยงดู แต่ตอนนี้มีเงินห้าแสนตำลึงของตระกูลหลีก็เพียงพอสำหรับครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเอาตนเองไปเสี่ยง สู้รับข้อเสนอของหลีจวิน ทำดีต่อมู่หวั่นชิวดีกว่า
ตัดสินใจได้แล้ว เขาก็หันไปหัวเราะเจื่อนๆ ทางหลีจวิน “ไม่ต้องให้คุณชายหลีพูด เรื่องเหล่านี้ข้าก็รู้ มิเช่นนั้นคงไม่ทะเลาะกับใต้เท้าหร่วนเช่นนี้” คำพูดเบาๆ แต่ผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่หร่วนอวี้
ราวกับการจับมู่หวั่นชิวมานั้นล้วนเป็นเพราะหร่วนอวี้บีบบังคับ
“ข้าน้อยขอบคุณใต้เท้าจั่วที่มีความเสียดายคนมีฝีมือ” หลีจวินก็ไม่ได้พูดฉีกหน้าอีกฝ่าย เพียงพยักหน้า “อย่างไรนางก็เป็นสตรี ปรมาจารย์ไป๋ร่างกายบอบบาง หวังว่าใต้เท้าจั่วจะไม่ลงทัณฑ์นางก่อนที่พระราชโองการจะมาถึง”
“เรื่องนี้คุณชายหลีวางใจได้ ก่อนพระราชโองการจะมาถึง ข้าจะไม่เปิดศาลสอบสวนแน่นอน” แล้วจั่วเฟิงก็พูดรับรองกับหลีจวินว่า “ข้าจะรีบส่งม้าเร็ว ให้คนเร่งเดินทางไปถวายฎีกาต่อฝ่าบาทที่เมืองอันคัง”
“เช่นนี้ก็ดีที่สุด จบคดีปรมาจารย์ไป๋ให้เร็ว ใต้เท้าจั่วก็จะได้เสียแรงน้อยลงหน่อย” หลีจวินพยักหน้า แล้วเปลี่ยนประเด็นพูดไป “ข้างนอกอากาศหนาว ขอใต้เท้าอนุญาตให้ข้าน้อยส่งพวกเตียง ฟูก ผ้าห่ม เตาผิง…”
เคยอยู่ในคุกมาก่อน หลีจวินย่อมรู้ถึงความลำบากของที่นั่น ก่อนมาวันนี้เขารู้แล้วว่าหร่วนอวี้ส่งทหารไปล้อมคุกจวนว่าการเจ้าเมืองไว้ การที่ให้สินบนจำนวนมหาศาลไปเขาก็ไม่ได้หวังว่าจั่วเฟิงจะตัดสินใจปล่อยคนออกมา เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็เพื่อหยุดความอยากฆ่ามู่หวั่นชิวของจั่วเฟิงที่มีต่อมู่หวั่นชิวและปรับสภาพความเป็นอยู่ของนางในคุกให้ดีขึ้น
หากเป็นคนทั่วไป ใครคงคิดว่าหลีจวินทำเช่นนี้ไม่คุ้มค่า
แต่หลีจวินไม่ใช่คนทั่วไป มู่หวั่นชิวเป็นหัวใจของเขา เขายอมใช้ทุกอย่างที่ตระกูลหลีมี แต่จะไม่ยอมให้มู่หวั่นชิวได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจ
เพียงแค่คิดถึงความเย็นชื้นภายในคุก เขาก็เจ็บปวดใจแล้ว
รับเงินมาแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนทำให้ได้ เดิมทีจั่วเฟิงก็รู้สึกกระวนกระวายใจ พอได้ฟังคำพูดนี้เขาจึงรีบพยักหน้า “ได้ๆ ขอเพียงปรมาจารย์ไป๋ไม่ออกจากคุก คุณชายหลีอยากจะตกแต่งคุกเป็นห้องหอข้าก็ไม่ยุ่งด้วย!” เห็นหลีจวินยิ้ม เขาจึงรีบพูดเสริมอีกประโยค “แต่ว่าห้ามส่งสาวใช้เข้าไปข้างใน ห้ามกั้นหน้าต่างกับประตู”
ประตูกับหน้าต่างคุกจำเป็นต้องโปร่งก็เพื่อให้ง่ายต่อการเฝ้าระวัง นี่เป็นกฎ อย่างไรเสียทหารองครักษ์ของหร่วนอวี้ก็ยังคอยจับตามองที่นั่นอยู่
“ขอบคุณใต้เท้าจั่ว” หลีจวินยืนขึ้น “ใต้เท้าอนุญาตให้ข้าน้อยเข้าไปเยี่ยมในคุกได้หรือไม่”
“เอ่อ…” จั่วเฟิงลังเลใจแล้วพูดว่า “ปรมาจารย์ไป๋เป็นคนมีชื่อเสียงของต้าเยี่ยและไม่เคยมีความผิด คุณชายหลีไปเยี่ยมก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่า…” เขามองหลีจวินด้วยใบหน้าเหยเก “ในคุกยังมีทหารองครักษ์ของผู้บัญชาการหร่วนคอยเฝ้าอยู่ด้วย ขอเพียงเขายอมปล่อยคุณชายหลีเข้าไป คุณชายหลีก็เข้าไปเยี่ยมได้เลย”
“ขอบคุณใต้เท้าจั่วมาก” หลีจวินไม่พูดพล่ามก็ก้าวเท้าเดินจากไปเลย
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 24 มีนาคม)