แง่คิดดีๆ ที่ได้จากการอ่าน Everything, Everything และ Tell Me Three Things นิยาย Young Adult สุดฟีลกู๊ด

Everything, Everything

เขียนโดย Nicola Yoon

แปลโดย กานตริน ลีละหุต

นิยายเรื่องนี้จะเล่าถึงแมดิลีน วิทเทียร์ สาวน้อยวัย 18 ปีที่ไม่เคยได้ออกจากบ้านเลยมาตั้งแต่เกิด นั่นก็เพราะว่าเธอเป็นโรคบางอย่างที่ไม่สามารถออกไปเผชิญสภาพอากาศข้างนอกได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง โอลิเวอร์ เด็กหนุ่มย้ายมาอยู่ใหม่ข้างบ้าน เธอจึงกลายเป็นเหมือนพวกถ้ำมองอย่างเต็มรูปแบบ ความจริงเธอก็อยากเดินออกไปทักทายเขาตามที่คนปกติทำนะ แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าเธอไม่เคยได้ก้าวออกไปไหนมา 18 ปีเต็มแล้วนี่สิ! โชคดีที่โอลิเวอร์เข้าใจความจำเป็นของเธอดี มิตรภาพของพวกเขาเลยดูราบรื่นแม้จะไม่ได้พบเจอกันเหมือนคนปกติก็เถอะ และในเมื่อเธอเชื่อว่าการมีชีวิตก็เหมือนของขวัญสำหรับเธอ โอลิเวอร์ก็อยู่ใกล้แค่นี้ มันจะเป็นอะไรไหมนะถ้าแมดิลีนลองเสี่ยงทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นเหมือนของขวัญในชีวิตนี้บ้าง

แง่คิดดีๆ ที่ได้จากเรื่องนี้

เราจะได้รับรู้ถึงความรักของคนในครอบครัว การที่มีคนเป็นห่วงเรา นั่นก็ไม่ต่างจากการได้ของขวัญอันล้ำค่าในชีวิตนี้แล้วล่ะ และหากเราอยากจะลองเสี่ยงทำอะไรดูสักครั้งในชีวิต ก็ควรให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวก่อนทุกครั้ง เพราะคนที่หวังดีกับเรามากที่สุด ก็คือพวกเขาเหล่านั้นยังไงล่ะ

Tell Me Three Things

เขียนโดย Julie Buxbaum

แปลโดย มณฑารัตน์ ทรงเผ่า

นิยายเรื่องนี้จะโฟกัสไปที่ตัวเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อเจสซี่ ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเมื่อผู้เป็นแม่ได้ตายจาก หากแต่เธอกลับเลือกที่จะจมปลักอยู่กับความทุกข์ เธอรู้สึกว่ารอบตัวมันผิดเพี้ยนไปหมด พ่อก็แต่งงานใหม่ ตัวเธอก็เลยต้องย้ายไปอยู่อีกเมือง นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เธอต้องคอยรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ทั้งครอบครัวใหม่ สถานที่ใหม่ และสังคมใหม่ โดยไม่มีแม่อยู่ข้างๆ เหมือนที่เคยเป็นมาเสมอ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเจสซี่เลย แต่เมื่อเธอได้รับอีเมลปริศนาจากใครบางคน ชีวิตเธอก็ดูจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

แง่คิดดีๆ ที่ได้จากเรื่องนี้

หลักๆ เลยคือสอนให้เรารู้จักที่จะยอมรับความจริง และพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าถ้าเรามีภูมิต้านทานในเรื่องเหล่านี้แล้ว ไม่ว่าเราไปอยู่ที่ไหน ก็ยอมมีความกล้าที่จะตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่จะช่วยนำพาตัวเองให้หนีห่างจากเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจได้แน่นอน