ทดลองอ่าน ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ ตอนที่สี่ – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์

ทดลองอ่าน ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์ ตอนที่สี่

ดอกสาลี่…ดอกสาลี่ในความทรงจำ เยวี่ยเยี่ยหลับตาเบาๆ เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยแต่ก็แปลกหน้าในคราเดียวนี้ได้ เขาได้แต่บอกตนเองในใจครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวตรงหน้าเป็นเพียงแค่สตรีที่หลงใหลในลาภยศความหรูหรา ไม่ต่างอะไรกับสตรีที่อยู่ในตำหนักในเหล่านั้นเลย

ไป๋เสวี่ยฝูถูกบังคับให้จับจ้องบุรุษผู้โหดเหี้ยมไร้หัวใจตรงหน้านี้ แต่แล้วนางกลับมองเห็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนจากดวงตาที่กำลังลืมขึ้นมาช้าๆ ของเขา แววตานั้นเกือบเรียกได้ว่าอบอุ่น นางแทบสงสัยว่าตนเองมองผิดไปหรือไม่ ทว่าก็เข้าใจดีว่าแววตานี้ไม่ได้อบอุ่นเพราะนาง แต่เป็นการมองไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งผ่านดวงตานางต่างหาก

ทั้งๆ ที่เยวี่ยเยี่ยมองมาที่นางแต่สายตากลับค่อยๆ เลื่อนลอยไร้จุดรวมศูนย์ นางเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งย่อมไม่เข้าใจความคิดความอ่านชั่วขณะนี้ของเขา ไป๋เสวี่ยฝูรอคอยให้เขาเอ่ยปาก หากเขายังมีคุณธรรมอยู่บ้างเขาก็ควรปล่อยนางไปได้แล้ว

นางไม่คิดว่าเยวี่ยเยี่ยจะนึกออกในตอนนี้

ในเมื่อไม่เคยจำ แล้วจะนึกออกได้อย่างไรกัน

ไม่กล่าวถึงการพบกันโดยบังเอิญเมื่อสามปีก่อนที่นางมีผ้าบางคลุมหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ สามปีมานี้นางก็ได้เปลี่ยนจากไป๋เสวี่ยฝูผู้ใสซื่อบริสุทธิ์กลายเป็นหญิงสาวผู้มีความคิดสลับซับซ้อน ความคิดยามนี้มีแต่จะวางแผนสังหารจักรพรรดิเท่านั้น นอกจากนี้ในช่วงเวลาสามปีร่างกายนางก็สูงขึ้น และยังเป็นสาวเต็มตัวถึงวัยพร้อมปรนนิบัติโอรสสวรรค์แล้ว

ไป๋เสวี่ยฝูจ้องมองเยวี่ยเยี่ยเช่นนี้เนิ่นนาน คล้ายอยากจะมองใบหน้าของเขาให้ทะลุปรุโปร่ง ผ่านไปหลายอึดใจถึงได้ขยับริมฝีปากสีชาดเล็กน้อย ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฝ่าบาททรงตามหาผู้ใดอยู่หรือเพคะ เสวี่ยฝูเป็นเพียงไป๋เสวี่ยฝู มิใช่ใครทั้งนั้น”

เยวี่ยเยี่ยถึงได้สติ ความอบอุ่นที่แต่เดิมมีไม่มากก็ทยอยลดลงไปดังเช่นน้ำค้างที่ลงในยามเช้าแล้วกลายเป็นเพียงความเยือกเย็นกระแสหนึ่ง เสียงที่แทบจะเค้นผ่านไรฟันออกมาก็ดังขึ้น “คนที่เราตามหาก็คือเจ้าไป๋เสวี่ยฝู คนที่คิดจะเล่นลูกไม้สกปรกต่อหน้าต่อตาเรา!” น้ำเสียงเจือแววเหยียดหยามอันเข้มข้น เขาไม่มีทางบอกนางว่าเขากำลังตามหาใครอยู่ เรื่องนี้นางไม่จำเป็นต้องรู้!

ไป๋เสวี่ยฝูพลันตกตะลึง ในใจมีประกายลนลานฉายวาบ บุรุษผู้นี้สังเกตเห็นอะไรในตัวข้าแล้วหรือ เขาล่วงรู้แผนการของท่านพ่อแล้วใช่หรือไม่ ไม่สิ…หากว่าเขาล่วงรู้ จากที่เขาสามารถเข่นฆ่าพี่น้องสายเลือดเดียวกันได้อย่างโหดเหี้ยม เขาคงประหารข้าให้ตายในวังตั้งแต่แรกแล้ว คงไม่มีทางมาเปลืองน้ำลายกับข้าเช่นนี้

เมื่อคิดได้หัวใจที่เต้นรัวแรงของไป๋เสวี่ยฝูจึงค่อยสงบลง นางหลุบตาลงพลางเอ่ยเสียงเบา “เสวี่ยฝูมิกล้าเพคะ”

“หวังว่าชายารักจะไม่กล้าจริงๆ” เยวี่ยเยี่ยปล่อยตัวนาง

ไป๋เสวี่ยฝูล้มลงกับพื้นเหมือนก้านดอกบัวที่หักลงมา นางพ่นลมหายใจเบาๆ ในใจ เมื่อครู่เยวี่ยเยี่ยทำให้นางเสียขวัญอย่างแท้จริง ยังดีที่นางไม่เผยพิรุธให้เขามองออก

เยวี่ยเยี่ยหมุนตัว รองเท้าปักลายมังกรเหยียบย่างไปบนพื้นอย่างมั่นคง ชายชุดสีแดงเข้มพลิ้วไหวพาดผ่านพรมปักลายดอกโบตั๋นทั่วพื้น เดินไปยังใจกลางตำหนักช้าๆ นิ้วมือที่เห็นแนวกระดูกได้อย่างชัดเจนหยิบดอกหลัวอวี้แห้งบนโต๊ะขึ้นมาสองกลีบโยนใส่เตากำยาน ควันกรุ่นลอยละล่องออกมาจากเตากำยาน กลิ่นหอมของดอกหลัวอวี้โชยระใบหน้ามา ชั่วขณะได้กลายเป็นกลิ่นหอมที่ช่างคุ้นเคยและหอมหวนยิ่งนักสำหรับไป๋เสวี่ยฝู

เบิกตามองเงาร่างสูงใหญ่ตรงหน้า มองดูเยวี่ยเยี่ยโยนกลีบดอกหลัวอวี้กลีบแล้วกลีบเล่าเข้าไปในเตากำยานโดยไม่หยุดยั้ง ไป๋เสวี่ยฝูอดคิดถึงท่านแม่ที่อยู่ในจวนสกุลไป๋ไม่ได้ ท่านแม่ชอบกลิ่นหอมละมุนที่แผ่ออกมาจากการเผาดอกหลัวอวี้แห้งมากที่สุด…ตอนนางยังเล็กยังไม่รู้ประสาก็มักได้กลิ่นหอมอ่อนเช่นนี้ในห้องของท่านแม่ ขณะที่ท่านแม่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง แหงนหน้าเหม่อมองดวงดาวพลางแอบหลั่งน้ำตา!

เมื่อสองปีก่อนตอนที่ไป๋เสวี่ยฝูกลับจวนสกุลไป๋ก็ยังได้กลิ่นนี้จากห้องของท่านแม่ ทว่ากลับจวนคราวนี้อยู่ๆ นางก็ไม่ได้กลิ่นนี้เสียแล้ว สอบถามสาวใช้ข้างกายจึงได้ความว่าตั้งแต่จักรพรรดิเยวี่ยเยี่ยขึ้นครองราชย์ ดอกหลัวอวี้ก็กลายเป็นของใช้จำเพาะในราชสำนัก นอกจากวังหลวงแล้วไม่ว่าชาวบ้านหรือขุนนางก็ล้วนห้ามเผาดอกหลัวอวี้แห้งอีก

ดอกหลัวอวี้ขึ้นตามชายแดนในแถบเมืองฝานเก๋อซึ่งก็คือบ้านเกิดของฮูหยินสาม บริเวณใต้หน้าผาสูงชันบนเขาเทียนซาน บางครั้งก็อาจพบได้หนึ่งหรือสองกอ ไม่ก็พบในจำนวนที่น้อยมาก ดอกสีแดงประหนึ่งเปลวไฟ ไม่แตกใบ ผ่านฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาวมาตลอดทั้งปี ก่อนจะเก็บได้ในกลางฤดูหนาวเดือนสิบสอง ณ ตอนนั้นหิมะขาวโพลน พื้นที่บนเขาอันตรายอย่างยิ่ง ทว่าบิดาของฮูหยินสามหรือก็คือท่านตาของไป๋เสวี่ยฝูมีฝีมือในการปีนเขา ในฤดูเหมันต์อันหนาวเหน็บก็จะออกไปเก็บดอกหลัวอวี้มาตากแห้งแล้วให้บุตรสาวนำไปขายที่ตลาด ในปีหนึ่งจะได้เงินมาพอกินอยู่สำหรับทั้งครอบครัว

ด้วยเพราะฮูหยินสามชื่นชอบกลิ่นหอมของดอกหลัวอวี้มากจึงได้แอบเก็บสะสมไว้ไม่น้อย ในปีที่ได้ออกเรือนก็นำติดตัวเข้าสกุลไป๋ ต่อมาภายหลังก็จะไปขอมาจากบ้านเดิมเป็นการส่วนตัวบ้าง

ไป๋เสวี่ยฝูคิดไม่ถึงว่าบุรุษตรงหน้าจะชอบกลิ่นหอมของดอกหลัวอวี้ ได้ยินว่าราชสำนักมีข้อกำหนดอันเข้มงวดมากมาย หลังเก็บดอกหลัวอวี้แล้วจะต้องตากแดดให้แห้งก่อนขนส่งทางบกมายังเมืองหนิงเฉิง ธรรมดาแล้วจากเมืองฝานเก๋อมาถึงเมืองหนิงเฉิงหากใช้ทางน้ำขนส่งมาจะสะดวกกว่า แต่เพื่อไม่ให้ดอกหลัวอวี้แห้งเจือปนไอน้ำจนมีผลกระทบกับกลิ่นหอมจึงได้งดเว้นการขนส่งทางน้ำอย่างเด็ดขาด นี่ย่อมเป็นที่ยากลำบากของข้ารับใช้กลุ่มนั้นอย่างยิ่ง

แต่สิ่งของอันล้ำค่าหายากนี้กลับถูกเยวี่ยเยี่ยใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้เสียได้ เขาโยนกลีบดอกหลัวอวี้ลงไปในเตากำยานนั้นจนไฟเกือบลุก…หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ไป๋เสวี่ยฝูคงเข้าไปห้ามไว้แต่แรก ทว่าเบื้องหน้าคือโอรสสวรรค์ เป็นจักรพรรดิผู้อยู่เหนือผู้คนหมื่นแสน แคว้นอวิ๋นเยวี่ยทั้งหมดนี้ถือเป็นของเขา แล้วกลีบดอกหลัวอวี้ที่หาได้ยากเหล่านั้นจะนับเป็นอะไรได้เล่า

กระทั่งโยนกลีบดอกไม้ในกล่องสีทองจนหมดสิ้น เยวี่ยเยี่ยถึงหมุนตัวมาช้าๆ หรี่ตามองนางพลางยิ้มหยามเหยียด “ช้าเร็วสกุลไป๋ของเจ้าก็จะเป็นเหมือนกับเตากำยานนี้ ยามกลีบดอกไม้ถูกเผาไหม้จนหมดสิ้นก็จะกลายเป็นแค่ของไร้ค่าชิ้นหนึ่ง!”

เพล้ง! เสียงเตากำยานตกลงมาที่ข้างเท้าไป๋เสวี่ยฝู ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมกระหายเลือด การกระทำที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดของเยวี่ยเยี่ยทำให้ไป๋เสวี่ยฝูตื่นตระหนก เถ้าในเตากำยานสาดกระจายไปทั่วพื้น ลวดลายดอกโบตั๋นงามหยาดเยิ้มบนพรมปักลายเหล่านั้นก็พลอยหม่นสีและปกคลุมไปด้วยกลีบสีดำมากมาย

ไป๋เสวี่ยฝูไม่เคลื่อนไหวสักกระเบียดนิ้ว นางยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม พึมพำเสียงเบาหวิว “ฝ่าบาททรงโกรธแค้นสกุลไป๋หรือเพคะ เสวี่ยฝูก็เช่นกัน…” สกุลไป๋! นอกจากมอบชีวิตให้กับนางแล้วก็ไม่เคยให้อะไรทั้งนั้น อีกทั้งเมื่ออยากใช้ประโยชน์ก็เพียงส่งนางเข้าวัง บังคับให้นางต้องมารับมือกับคนนิสัยปรวนแปรไม่แน่นอน ไร้หัวใจไร้คุณธรรมอย่างจักรพรรดิเยวี่ยเยี่ย!

วาจาของนางกระทบจิตใจของเขาเบาๆ แต่ยังไม่พอให้เขามีอาการตอบสนองอะไรแม้สักนิด เยวี่ยเยี่ยก้าวเข้ามาข้างหน้าพลางหลุบตาลงมองนางอย่างผู้ที่เหนือกว่า “สกุลไป๋เป็นปรปักษ์ต่อเราอย่างเปิดเผย เราไม่ปล่อยไว้ง่ายๆ แน่ วันใดหากเจ้าได้พบบิดาผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้า บอกเขาด้วยว่าอย่าทำเป็นซื่อนัก! ตั้งแต่มีแคว้นอวิ๋นเยวี่ยมา ไม่เคยมีอัครเสนาบดีคนใดได้เป็นจักรพรรดิ!”

Comments

comments

Continue Reading

More in ดอกสาลี่เคียงบัลลังก์

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.1

บทที่ 7.1 วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและ...

community.jamsai.com