เจ้าบ้านสกุลหานเห็นหลิ่วอิงแล้วก็หมดท่าทันที หลิ่วอิงถลึงตาจ้องอย่างดุดัน โกรธจนตัวสั่น “ข้ายังไม่ทันเข้าตระกูล ท่านก็อยากได้ตัวสาวใช้คนนี้แล้ว ทำไม ท่านเบื่อที่ข้าโรยราเหี่ยวเฉา นึกอยากกลับคำแล้วสิ ปีหนึ่งพวกเราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง อยู่ด้วยกันอย่างมากที่สุดก็หนึ่งเดือน ท่านก็…”
นางโกรธจนน้ำตาร่วงเผาะ “ข้าจะพาเฉิงเอ๋อร์ไป อี๋เหนียงสกุลหานอะไรนั่น ช่างหัวปะไร”
เจ้าบ้านสกุลหานลนลาน รีบดึงนางไว้ “อย่าโวยวายเสียงดังตรงนี้ เข้ามาข้างในก่อน ข้าจะอธิบายกับเจ้าเอง”
หลิ่วอิงไม่ยอม เจ้าบ้านสกุลหานพลันเกลี้ยกล่อมเสียงนุ่ม เช่นนั้นนางจึงยอม ขณะย่างเท้าเข้าห้องยังดันอาเหม่าที่เดินไม่ไหวเป็นเชิงให้รีบจากไปเสีย
อาเหม่าถูกนางผลักทีหนึ่งจึงตื่นจากภวังค์ ก้าวเท้าที่เสมือนหนักเป็นพันชั่ง* ลงบันได และไม่รู้ว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่กว่าจะลงมาจนถึงชั้นล่าง เมื่อเดินจนถึงชั้นล่างแล้วนางก็เห็นเซี่ยฟั่ง
อาเหม่าจดจ้องเซี่ยฟั่ง ยามนี้นางเข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้วว่าเหตุใดจึงต้องมาช่วงเวลาสามเค่อครึ่ง เพราะนางต้องให้เวลาครึ่งเค่อนั้นกับนายท่าน ให้อีกฝ่ายลวนลามนาง ถึงจะให้อี๋เหนียงสี่ที่เชิญมาเห็นเข้าพอดี
หลังจากนางเข้าใจแล้ว ที่เกลียดเขาในตอนแรก ภายหลังก็ไม่เกลียดแม้แต่น้อย
เพราะนางรู้แล้วว่าต่อให้หลิ่วอิงมาถึงพอดี ก็จะเห็นเพียงสาวใช้ที่ยกมื้อเย็นเข้าไปในห้อง ฝ่ายนั้นก็เพียงแค่สั่งให้นางออกจากห้องก็พอ ทว่ารอดตัวครั้งนี้ไปได้ ครั้งหน้าก็ยังมีอันตรายอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้เซี่ยฟั่งจึงให้นางมาก่อนเวลาครึ่งเค่อ ขอเพียงให้หลิ่วอิงเห็นภาพนั้น อย่างน้อยมีหลิ่วอิงที่นิสัยดื้อรั้นและร้ายกาจอยู่ทั้งคน เจ้าบ้านสกุลหานก็จะไม่แสดงกิริยาล่วงเกินนางไปอีกระยะหนึ่ง หนำซ้ำยังมีคุณชายเฉิงอีกคน ในสายตาของเจ้าบ้านสกุลหาน สองแม่ลูกคู่นั้นย่อมสำคัญกว่านางมาก เขาไม่อาจทำร้ายจิตใจพวกเขาสองแม่ลูกเพื่อนางอย่างแน่นอน
โทสะในแววตาของอาเหม่าค่อยๆ จางหายและสลายไปในที่สุด รอดพ้นจากภยันตรายแล้ว หากต่อไปขอเพียงสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้ ไม่ถูกเจ้าบ้านสกุลหานตอแยอีก เช่นนั้นเหตุการณ์ในคืนนี้ก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร
เรื่องราวมีได้มีเสีย…แค่ได้มากกว่าเสียก็พอแล้ว
อาเหม่าหมดเรี่ยวแรงไปไม่น้อย จึงอยากกลับไปพักที่ห้อง เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินว่ามีคนตามมาด้านหลัง นางพอเดาได้ว่าเป็นใคร เมื่อเลี้ยวเข้ามุมก็ไม่เดินต่อแล้ว นางอิงกำแพงรอให้เขาเดินมา
ครู่เดียวเงาร่างสูงเพรียวของเซี่ยฟั่งก็กำลังจะพ้นปากทาง ทว่าเลยไปสองก้าวเขาก็ย้อนกลับมา เดินไปที่ปากทางเดิน มองอาเหม่าที่ใบหน้าปราศจากสีเลือด
อาเหม่าเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณ”
เซี่ยฟั่งนิ่งเงียบชั่วครู่จึงกล่าวถาม “เหตุใดจึงยังเลือกที่จะเชื่อข้า”
อาเหม่าแย้มยิ้ม พลางช้อนตาขึ้นมองเขา “ถ้าข้าบอกว่าเพราะไม่มีทางเลือกอื่น พ่อบ้านจะเสียใจหรือไม่”
เมื่อเถรตรงเกินไปก็เหมือนหนาม ความคิดที่เซี่ยฟั่งเคยมีต่อนางยิ่งถูกลบล้าง ที่เถาฮวาบอกว่านางไม่สู้คนเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น นางแค่แสร้งทำได้อย่างแนบเนียน อาเหม่าที่เขารู้จักในยามนี้ แท้จริงทั้งใจกล้าและปราศจากซึ่งความกลัว
อาเหม่าอยากรอคำตอบจากเขา แต่เซี่ยฟั่งไม่ตอบ เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เจ้ากลับห้องเถอะ ข้าคิดว่าเจ้ายังต้องอยู่ที่นี่ รอให้นายท่านกลับจากไฮ่โจวก่อน แล้วจึงกลับสกุลหานพร้อมกัน”
อาเหม่าถาม “ทำไมเล่า”
“เพราะหลิ่วอิงไปด้วยไม่ได้ ฉะนั้นนางไม่มีทางไว้ใจที่จะให้เจ้าไป ดังนั้นก็จะขอนายท่านให้เจ้าอยู่ที่นี่ ที่จริงหลิ่วอิงผู้นั้นเนื้อแท้มิใช่คนชั่ว เจ้าก็อยู่รับใช้นางที่นี่อย่างสบายใจได้ หากเจ้ายินดีก็ดีกับนางหน่อย รับใช้อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ต่อให้กลับถึงสกุลหานแล้ว นางก็จะปกป้องเจ้า”
อาเหม่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะหาทางหนีทีไล่ไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว หัวใจนางพลันเต้นตึกตักอีกครั้ง ทันใดนั้นนางก็อยากถามเขาเหลือเกินว่าหากตอนนั้นหลิ่วอิงไม่ยอมมา เขาจะเข้ามาช่วยตนเองหรือไม่
หรือจะทำเป็นไม่รู้เรื่องราว แล้วปล่อยให้เจ้าบ้านสกุลหานย่ำยีนางไปเช่นนั้น
แต่อาเหม่ามิได้ถามออกไป อันที่จริงระหว่างนางกับเซี่ยฟั่งก็มิได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันอยู่แล้ว