อาเหม่าคิดหนักจนวิงเวียนสับสน ปวดศีรษะจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ นางก้มหน้าเดินอย่างรวดเร็ว คิดแต่ว่าอยากไปให้พ้นจากที่นี่ ทว่าทันใดนั้นเบื้องหน้าก็พลันมีอะไรบางอย่างมาขวางทาง นางชนเข้าอย่างจังจนร่างบางเซถอยหลัง
“เอ๊ะ!”
มือข้างหนึ่งคว้าข้อมือของนางไว้ จึงทำให้นางไม่เสียหลักล้มลงไป แต่เมื่อนางประคองร่างยืนได้แล้ว มือของคนผู้นั้นก็ยังไม่ยอมปล่อย กลับเป็นร่างสูงผอมโน้มเข้ามาประชิด ใบหน้าแทบแนบกับปลายจมูกของนาง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแทะโลม “นี่อาเหม่ามิใช่หรือ รีบร้อนเดินเช่นนี้ไปทำไมกัน”
อาเหม่าเบิกตามองอีกฝ่าย นางอยากดึงมือกลับแต่กลับถูกเขากุมไว้แน่น “คุณชายรอง บ่าวยังต้องยกน้ำไปให้นายท่าน ท่านปล่อยมือบ่าวเถิดเจ้าค่ะ”
หานกวงกล่าวเยาะ “ท่านพ่อเพิ่งเดินออกจากเรือนไป เจ้าคิดจะหลอกข้าหรือ อาเหม่า…เจ้าโกหกข้าได้อย่างไร”
เขากุมข้อมือบางไว้แน่นและไม่สนใจว่านางจะเจ็บหรือไม่ อาเหม่ารู้สึกว่าตนเองช่างเคราะห์ซ้ำกรรมซัด คุณชายรองผู้นี้ถือกำเนิดจากอี๋เหนียงใหญ่ แม้จะมิได้เกิดจากภรรยาเอก แต่เมื่อเทียบกับคุณชายใหญ่แล้ว นายท่านหานกลับให้ความสำคัญกับเขามากกว่า
นั่นไม่เกี่ยวกับการที่เป็นบุตรของภรรยาเอกหรืออนุ แต่เป็นเพราะคุณชายใหญ่ผู้นั้นเป็นโรคปัญญาอ่อน ไม่อาจสืบสกุลได้!
ด้วยเหตุนี้วาจาของหานฮูหยินจึงมักไม่มีน้ำหนักมากพอ จนต้องปล่อยให้นายท่านหานแต่งอนุภรรยาเข้าตระกูลคนแล้วคนเล่าเข้ามา
ภาษิตว่ามารดาเลื่อนฐานะตามบุตรชาย นั่นจึงทำให้คำพูดของอี๋เหนียงใหญ่มีน้ำหนักในสกุลหานอย่างมาก ดังนั้นคุณชายรองจึงเติบโตขึ้นมาเป็นคุณชายที่ไม่เอาไหนภายใต้ความรักของผู้ใหญ่ที่เกินพอดี
ข้อมือของอาเหม่าราวกับถูกเข็มทิ่มแทงเข้ากระดูก ปวดจนรู้สึกเหมือนจะหัก แล้วนางก็ได้กลิ่นสุราฉุนกึ้กจากคุณชายรองโชยมา จึงยิ่งลนลาน หากอีกฝ่ายมีสติดีอยู่ อย่างไรนางก็ยังสามารถใช้ข้ออ้างอื่นปลีกตัวออกมาได้ ทว่าเขาเมามายเช่นนี้ คนเมานั้นย่อมไม่มีเหตุผล
“อาเหม่า เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว” สายตาของหานกวงเลื่อนจากลำคอระหงลงสู่ด้านล่าง แววตาคลุมเครือมีเลศนัยค่อยๆ มองไปยังตรงนั้น
อาเหม่าตระหนกลนลาน ก่อนจะออกแรงผลักเขา แล้วก็ผลักเขาซึ่งกำลังเมาออกไปได้จริงๆ ทว่าเป็นเพราะขาของเขายืนได้ไม่มั่นคง จึงเซถอยหลังไปสองก้าวแล้วก็ล้มตึงลงที่พื้น จุกจนฤทธิ์สุราพวยพุ่ง ตวาดด่าทอเสียงดัง “พูดดีๆ ไม่ชอบ!”
เขาลุกขึ้นยืนพร้อมปรี่เข้าไปเพื่อหวังลงไม้ลงมือกับอาเหม่าราวกับคนเสียสติ นางตื่นตกใจจนนิ่งอึ้ง นึกว่าจะถูกเขาทุบตีจึงสาวเท้าออกวิ่งไปทางนอกเรือน เพิ่งพ้นประตูเท่านั้นศีรษะก็ชน ‘ตึง’ เข้ากับร่างร่างหนึ่ง แรงกระแทกทำให้นางถึงกับวิงเวียน ทว่ากำปั้นที่ตวัดมาจากด้านหลังกลับมิได้ชกลงบนตัวนาง อาเหม่าเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซี่ยฟั่งคว้าหมัดที่หานกวงชกมาไว้ได้ทัน
เมื่อรับหมัดนั้นก็สะเทือนถึงบาดแผลที่มือของเขาด้วย ใบหน้าของเซี่ยฟั่งพลันซีดขาวไร้สีเลือด
แววตาของเขาแน่วแน่ จ้องหานกวงเขม็งพร้อมกล่าวว่า “คุณชายรองเมาแล้ว”
หานกวงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าไม่เมา! เจ้ารีบส่งตัวอาเหม่ามา นางกล้าผลักข้าได้อย่างไร นางไม่รักชีวิตแล้วกระมัง ถึงได้กล้าผลักข้าเช่นนี้!”
ด้านหน้ามีเซี่ยฟั่ง ด้านหลังมีหานกวง อาเหม่าที่ติดอยู่ตรงกลางไม่อาจกระดิกตัวหลบไปที่ไหนได้แล้ว แต่หานกวงก็เอาแต่อยากจะจับตัวนางไม่ปล่อย นางจึงจำต้องเบียดไปทางเซี่ยฟั่งสุดชีวิตเพื่อหลบเลี่ยงอีกคน เบียดจนร่างบางแทบแนบชิดติดกับร่างสูง เมื่อนางรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาก็ถึงกับกลั้นลมหายใจ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา บุรุษหนุ่มที่เดิมทีสีหน้าขาวซีด ยามนี้กลับเจือสีระเรื่อเล็กน้อย แม้กระทั่งลมหายใจก็ยังแผ่วเบาลง
เซี่ยฟั่งไม่ได้ก้มหน้ามองนาง ซ้ำยังไม่ขยับเขยื้อน
ดวงหน้าของอาเหม่าแดงปลั่งทันที อยากจะเมาสุราเสียให้รู้แล้วรู้รอด