นางเดินตามหลังเจ้าบ้านสกุลหาน ส่วนเซี่ยฟั่งตามอยู่ข้างๆ นาง มีผู้คุ้มกันตามอยู่ห่างออกไป คนบังคับรถม้ารีบยกม้านั่งมาวางลงหน้ารถม้า เจ้าบ้านสกุลหานก้าวเท้าเหยียบม้านั่งเพื่อจะก้าวขึ้นไป ทันใดนั้นคนบังคับรถม้าที่ก้มตัวจับม้านั่งอยู่ก็พลันลุกขึ้นพรวด แทบจะทำให้เจ้าบ้านสกุลหานหงายหลังล้มตึงลงที่พื้น โดยไม่รอให้เขาได้ทันตั้งตัว คนบังคับรถม้าก็ถือกริชเล่มหนึ่งไว้ในมือ ก่อนคำรามเสียงดังแล้วพุ่งเข้าไปเล็งกริชแทงที่ตำแหน่งหัวใจของเจ้าบ้านสกุลหาน
อาเหม่าตะลึงงัน ตกใจจนขยับตัวไม่ได้ ทันใดนั้นด้านหลังก็มีลมเย็นสายหนึ่งวูบผ่าน เซี่ยฟั่งคว้ากริชด้วยมือเปล่าเอาไว้ได้ทันท่วงที กริชเล่มนั้นคมกริบ เพียงจับเบาๆ ก็กรีดให้เกิดรอยแผลได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อจับกริชแน่นภายใต้แรงที่พุ่งทะยานเข้ามา นั่นแทบจะกรีดแทงเข้าลึกถึงกระดูกแล้ว
เซี่ยฟั่งหน้ามืดไปทันที เขาแทบหมดสติเพราะความเจ็บลึกถึงกระดูกในพริบตานั้น เคราะห์ดีที่เขาใช้อีกมือจับมือของคนบังคับรถม้าไว้ได้ ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังจึงกระโจนเข้าจับตัวคนบังคับรถม้าได้ทันเวลา เจ้าบ้านสกุลหานเพียงถูกโลหิตกระเด็นเปื้อนเสื้อไม่กี่หยดเท่านั้น ส่วนร่างกายของเขายังคงปลอดภัยดี
อาเหม่าตะลึงอึ้งไป พอได้สตินางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพันมือของเซี่ยฟั่งทันที
บาดแผลของเขาลึกเกินไป โลหิตจึงได้ไหลทะลักออกมาไม่หยุด ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวไม่อาจกดซับไว้ได้ โลหิตจึงโชกชุ่มจนเปรอะไปทั่วมือของอาเหม่า มากมายจนนางอกสั่นขวัญแขวน ร่างบางเริ่มสั่นเทา กระนั้นนางก็ไม่ยอมปล่อยมือ
เซี่ยฟั่งเห็นนางตื่นกลัวจึงใช้มือใหญ่อีกข้างของตนเองช่วยกดผ้าเช็ดหน้าไว้ พลางบอกด้วยเสียงเบาหวิว “ข้าไม่เป็นไร เจ้าปล่อยมือก่อน ที่เหลือข้าทำเอง”
อาเหม่าไม่ปล่อย จนกระทั่งเห็นแววตายืนกรานของเซี่ยฟั่ง นางจึงค่อยๆ ปล่อยมือ ครั้นคลายมือแล้ว โลหิตก็พลันทะลักอีกครั้ง บางส่วนกระเด็นมาเปื้อนเสื้อนางไม่น้อย
เจ้าบ้านสกุลหานที่หายจากอาการตื่นตระหนกแล้วหันไปถลึงตาจ้องคนบังคับรถม้าพลางตวาดลั่น “เหตุใดเจ้าจึงปองร้ายข้า!”
“เขาคือคนที่วางยาม้า หวังทำร้ายนายท่านเมื่อหลายวันก่อน” เซี่ยฟั่งเอามือกุมบาดแผลไว้ ริมฝีปากหยักขาวซีดราวกับกระดาษ “วันนี้ข้าได้เบาะแสบางอย่างแล้ว ขอเวลาอีกเพียงครึ่งเค่อ* คนที่ข้าส่งไปก็จะสืบหาตัวคนร้ายได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะใจกล้าจนลงมือกับนายท่านโดยตรงเช่นนี้เสียก่อน”
เจ้าบ้านสกุลหานโกรธจนตัวสั่น ก่อนจะยกเท้ายันเข้าที่หน้าอกของคนบังคับรถม้าทันที “ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย เจ้ากลับกล้าทำร้ายข้าเช่นนี้!”
คนบังคับรถม้าพยายามตะเกียกตะกาย แต่ก็ไม่อาจดิ้นหลุดจากการควบคุมของผู้คุ้มกันสี่คนได้ จึงได้แต่ตะโกนขึ้นด้วยความอาฆาต “เจ้าฆ่าพี่ชายของข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต! หานโหย่วกง เจ้ามันไม่ใช่คน ไม่ใช่คน!”
เจ้าบ้านสกุลหานประหลาดใจ “เจ้ามีพี่ชายที่ไหนกัน เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ”
“ถังจินเจี่ยวคือพี่ชายของข้า!”
เจ้าบ้านสกุลหานตวาด “เจ้าลงมือสังหารคนกลางวันแสกๆ! ข้าจะส่งเจ้าให้ทางการ ให้เจ้า…”
“นายท่าน” เซี่ยฟั่งกดเสียงลงต่ำ “เรื่องนี้ค่อยจัดการทีหลังได้หรือไม่ ข้ายังมีเรื่องอยากรายงานท่าน”
เจ้าบ้านสกุลหานชะงัก ราวกับคิดอะไรบางอย่างได้จึงนึกเป็นห่วงมือของเซี่ยฟั่งขึ้นมา เขาจึงกล่าวว่า “เจ้าไปให้หมอซ่งทำแผลก่อนเถอะ ไม่ต้องไปข้างนอก กว่าเจ้าจะถึงร้านขายยา มือของเจ้าก็คงยากจะรักษาแล้ว”
เซี่ยฟั่งมิได้ปฏิเสธ เขาใช้มือกดบาดแผลก่อนจะเข้าไปหาหมอซ่งในคฤหาสน์ อาเหม่ายืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม นางไม่สะดวกที่จะตามเขาไปด้วย กลับเป็นเจ้าบ้านสกุลหานที่พอเห็นคราบโลหิตบนมือทั้งสองข้างของนางแล้วเกิดสะอิดสะเอียนขึ้นมา จึงนิ่วหน้ากล่าว “เจ้าก็ไปล้างมือเสีย”
อาเหม่าเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก่อนจะไปยังไม่ลืมโค้งคำนับขอตัวกับเขา แล้วรีบตามเซี่ยฟั่งไป