เรื่องที่เซี่ยฟั่งชอบอาเหม่าถูกโจษจันไปทั่วคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
เวลานี้เซียมซีดีเลิศที่ทุกคนลืมเลือนไปแล้วถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของบรรดาบ่าวรับใช้ เมื่อเกิดการเล่าลือขึ้น เรื่องราวจึงยิ่งแพร่สะพัดกว่าตอนที่เสี่ยงเซียมซีครานั้นมากนัก
ขณะที่ผู้คนกำลังพากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้นกลับมีเพียงเซี่ยฟั่งกับอาเหม่าที่กระอักกระอ่วนใจและปวดเศียรเวียนเกล้ากับเรื่องนี้
เมื่อเรื่องแพร่กระจายไปในวงกว้างก็ลือถึงหูเจ้าบ้านสกุลหาน หานฮูหยินที่รู้เรื่องแล้วก็ไม่คัดค้านอะไร เนื่องจากเทียบกันแล้ว นางไม่ปรารถนาจะให้อาเหม่าเข้ามาเป็นอี๋เหนียงคนที่สี่ในสกุลหานสักนิด วันนี้เมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้วกลับไม่ได้ยินสามีกล่าวถึง จึงถือโอกาสที่เขากลับมาตอนเที่ยง เปรยเรื่องนี้คล้ายว่าไม่ตั้งใจ “นายท่านได้ยินเรื่องนั้นแล้วหรือไม่ เซี่ยฟั่งชอบอาเหม่า ทั้งยังมอบแป้งชาดให้นางด้วย ข้าเห็นว่าสองคนนั้นก็เหมาะสมกันดี ถ้าอย่างไรนายท่านเป็นพ่อสื่อให้พวกเขาดีหรือไม่”
เจ้าบ้านสกุลหานยังไม่คิดตัดใจจากอาเหม่า ต่อให้เซี่ยฟั่งทำงานพึ่งพาได้ ทั้งยังจงรักภักดีกับตนแล้วอย่างไร เขาก็ยังไม่อยากยกอาเหม่าให้อีกฝ่ายอยู่ดี เนื้อซึ่งเดิมทีจะเข้าปากอยู่แล้วไหนเลยจะปล่อยให้หลุดมือ
“ข้ายังไม่รู้ว่าเซี่ยฟั่งจะอยู่ที่นี่ไปได้กี่ปี แล้วจะยกสาวใช้คนหนึ่งให้เขาง่ายๆ ได้อย่างไรกัน อีกทั้งชีวิตนี้อาเหม่าก็เป็นคนของสกุลหาน หากยกให้เซี่ยฟั่ง แล้วเขาฉวยโอกาสขอสัญญาทาสของอาเหม่ากับข้า อยู่กันไม่นานก็จากไป การแลกเปลี่ยนนี้ข้าก็ขาดทุนกันพอดี”
หานฮูหยินกล่าว “เช่นนั้นท่านก็เปลี่ยนสัญญาทาสชั่วชีวิตของอาเหม่าให้เป็นห้าปีสิบปี โดยยื่นเงื่อนไขว่าเซี่ยฟั่งเองก็ต้องมอบสัญญาทาสห้าปีสิบปีกับท่าน เช่นนี้ก็ถือว่ายุติธรรมดีแล้ว ในเมื่อถึงขั้นไหว้วานคนอื่นให้นำของไปฝากท่ามกลางธารกำนัลได้ เช่นนั้นก็แสดงว่าเซี่ยฟั่งชอบพออาเหม่ามากจริงๆ”
เจ้าบ้านสกุลหานฟังแล้วก็หลุดหัวเราะทันที “ให้เซี่ยฟั่งทำสัญญาทาสห้าปีกับสกุลหานเพื่อสาวใช้คนเดียวน่ะหรือ เขาจะยอมได้อย่างไร ต่อให้ชอบแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้”
วาจานี้คนพูดไร้เจตนา ทว่าคนฟังกลับใส่ใจเห็นสำคัญ หานฮูหยินเงยหน้าขึ้นมองเขาหลายครั้ง หากหัวข้อสนทนานี้เกิดกับเขา อีกฝ่ายจะตัดสินใจเช่นเดิมหรือไม่
หานฮูหยินสงสัยคาดเดาในใจ จึงไม่อยากคิดมากอีก แม้กระทั่งเรื่องของอาเหม่านางก็ลืมเกลี้ยกล่อมต่อแล้ว
“แต่ที่ข้าแปลกใจคือกวงเอ๋อร์วางอำนาจกับบ่าวรับใช้ในเรือนมาตลอด เหตุใดครั้งนี้จึงยอมช่วยเซี่ยฟั่งส่งของกำนัล นี่ไม่เหมือนเขาเลยสักนิด พวกเขาสนิทกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่…” เจ้าบ้านสกุลหานกล่าวขึ้นมา
หานฮูหยินไม่ชอบหานกวง หนึ่งเพราะเขาเป็นบุตรชายของอี๋เหนียงใหญ่ สองคือมีเขาอยู่ ชีวิตบุตรชายของนางก็อย่าคิดจะได้เงยหน้าอ้าปากเลย นางหัวเราะเสียงเบา “กวงเอ๋อร์ทำอะไรมีลับลมคมในเสมอ คนเป็นพ่ออย่างท่านจะไปรู้ได้อย่างไรกัน”
เจ้าบ้านสกุลหานครุ่นคิดในใจ ยังคงสงสัยว่าเซี่ยฟั่งสนิทกับบุตรชายไม่เอาไหนของตนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ หนำซ้ำไม่รู้ด้วยว่าทั้งสองไปสมาคมกันเมื่อใด
เพียงแต่เซี่ยฟั่งเก่งกาจไม่เบา ถึงขั้นทำให้บุตรชายเจ้าสำราญของตนผู้นั้นส่งของกำนัลแทนเขาได้
สกุลหานมั่งคั่งใหญ่โต ตอนนี้เจ้าบ้านสกุลหานร่างกายยังแข็งแรงดีอยู่ จึงมิได้คิดจะมอบกิจการให้บุตรชายสืบทอดในอีกไม่กี่ปีนี้ ทว่าช้าเร็วก็ต้องยกให้ แต่บุตรชายคนโตเป็นคนปัญญาอ่อน ยามนี้ตัวเลือกที่พิจารณาได้ก็มีเพียงบุตรชายคนรอง ดังนั้นเรื่องที่หานกวงไม่เอาไหน เขาเองก็ปวดหัวยิ่งนัก
หากเซี่ยฟั่งชักนำให้อีกฝ่ายกลับเข้าร่องเข้ารอยได้ นั่นก็เป็นเรื่องดี
เช่นนั้นเรื่องนี้เขาก็ไม่ควรบังคับบงการบุตรชายมากเกินไป