บนหอจื่อจิ่ง คนที่สนทนาพลางชมจันทร์เริ่มเหนื่อยแล้ว พระจันทร์ในเดือนนี้ไม่ต่างจากเดือนอื่น มิได้มีความพิเศษอันใด การชมจันทร์ก็เพียงเพื่อให้คนดูมีระดับ หาได้มีความอภิรมย์ใดไม่
เจ้าบ้านสกุลหานไปร่ำสุรากับสหายร่วมแวดวงเดียวกันนานแล้ว มีฮูหยินผู้เฒ่าที่ยังชมจันทร์พลางสนทนากับลูกสะใภ้และบรรดาอี๋เหนียง
ครู่หนึ่งฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นเซี่ยฟั่งขึ้นมา คิดๆ แล้วหากไม่ได้เขาช่วยออกหน้าให้ คาดว่าคุณชายร้ายกาจของสกุลฉินผู้นั้นไม่มีทางสละที่ชั้นบนสุดของหอจื่อจิ่งนี้ให้แน่ จึงกล่าวว่า “คราวนี้เจ้ามีผลงาน บอกมาเถอะ อยากได้รางวัลอะไร”
เซี่ยฟั่งประสานมือคำนับ “ขอเพียงฮูหยินผู้เฒ่าดีใจ เซี่ยฟั่งก็ไม่ต้องการรางวัลอะไรขอรับ นี่ถือเป็นหน้าที่”
หานกวงแย้มยิ้ม “ดูสิท่านย่า ข้าบอกแล้ว เซี่ยฟั่งไม่เอารางวัลหรอก เขาจงรักภักดีกับสกุลหานมาก”
ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เอ่ยปากชม ทว่าอคติในใจกลับเริ่มลดลงบ้างแล้ว
หญิงสาวคนหนึ่งพลันกล่าวกลั้วหัวเราะ “พี่รองช่วยออกหน้าพูดจาให้บ่าวรับใช้คนหนึ่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
คนพูดคือหานเยียนหรือคุณหนูสาม บุตรีที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ นิสัยร้ายกาจทว่ากลับฉลาดยิ่ง ฉะนั้นเจ้าบ้านสกุลหานและหานฮูหยินจึงล้วนตามใจนาง เนื่องจากนางมีนิสัยคุณหนูตระกูลคหบดีอย่างแท้จริง
“เช่นนั้นหากคราวหน้าเจ้าก่อเรื่องขึ้น พี่รองก็จะช่วยแก้ต่างให้เจ้าด้วยดีหรือไม่” หานกวงกล่าว
หางตาของหานเยียนสะท้อนแววถากถาง “ข้าก่อเรื่อง ไหนเลยจะต้องให้คนอื่นออกหน้าวิงวอน พี่รองดูแลตัวเองให้ดีเถอะ”
หานกวงไม่ชอบน้องสาวคนนี้ แต่กลับจนปัญญาด้วยมารดานางเป็นฮูหยินใหญ่ ส่วนมารดาของเขาเป็นเพียงอนุภรรยา เช่นนี้เมื่อเขาถูกยอกย้อนกลับมา ก็ล้วนต้องกลืนลงคอทั้งหมด
ขณะหานเยียนดึงสายตากลับมานั้น นางก็ถือโอกาสกวาดมองผ่านใบหน้าของเซี่ยฟั่งไปด้วย ใบหน้าของบุรุษหนุ่มใต้แสงจันทร์ขาวสะอาดคมคาย สีหน้าเรียบเย็น ปราศจากกลิ่นหอมรื่นเริงของหญิงนางโลม และไร้ความสกปรกของชายฉกรรจ์ป่าเถื่อน เขาสง่าหล่อเหลาอย่างพอดิบพอดี ดังนั้นนางจึงพินิจมองใบหน้าของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนผุดรอยยิ้มบนดวงหน้า สายตาวับวาวพราวเสน่ห์ แล้วจึงเบนหน้าไปชมจันทร์ต่อ
เวลานี้ชุ่ยหรงเองก็มองเซี่ยฟั่ง
ตกลงเขากับอาเหม่ามีความสัมพันธ์ถึงขั้นใดแล้ว ถึงกับโอบกอดกันแล้ว เช่นนั้นจูบกันแล้วหรือไม่ คงไม่ใช่ว่า…
ดวงหน้าของนางพลันแดงก่ำ ทว่าหลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว ไม่อยากคิด ไม่อยากยอมรับ และที่น่าโกรธแค้นที่สุดคือนางไม่อาจรังแกอาเหม่าได้อีกแล้ว มิฉะนั้นเซี่ยฟั่งไม่ปล่อยนางเอาไว้แน่
นางเพิ่งนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คนอย่างเสี่ยวลิ่วไหนเลยจะอาสาขอไปทำความสะอาดคอกม้าเอง หรือว่าเรื่องที่เขาแอบเปลี่ยนยาของเซี่ยฟั่งถูกอีกฝ่ายล่วงรู้เข้าจึงถูกเล่นงาน
หากเป็นเช่นนั้นจริง แม้เสี่ยวลิ่วจะสมควรโดนเพียงใด แต่เซี่ยฟั่งก็น่ากลัวเหลือเกิน
นางคิดพลางมองเขาด้วยความรู้สึกอันซับซ้อนแวบหนึ่ง ท่าทางของเขาดูเปิดเผยเที่ยงตรงเช่นนี้ เขาย่อมมิใช่คนเช่นนั้นแน่
ชุ่ยหรงปฏิเสธอยู่ในใจ เรื่องของเสี่ยวลิ่วไม่เกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน
ขณะกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เนื่องจากนางอยู่ใกล้บันไดจึงได้ยินเสียงคนกำลังเดินขึ้นมาช้าๆ เมื่อก้มลงมองก็เห็นว่าเป็นอาเหม่า
อาเหม่าเพิ่งไปทำเรื่องไม่ดีมา ดวงหน้าของนางจึงร้อนผ่าว ทั้งใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย ครั้นท่าทางนั้นอยู่ในสายตาของชุ่ยหรง ทุกอย่างก็ผันแปรไป…
นางต้องไปทำเรื่องไม่งามอะไรกับเซี่ยฟั่งมาเป็นแน่ ดวงหน้าจึงได้แดงระเรื่อเช่นนั้น
อาเหม่าแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มสาวใช้เงียบๆ อาจเพราะมีเสียงดังขึ้นเบาๆ เซี่ยฟั่งจึงเงยหน้าขึ้นมอง ยามที่เห็นอาเหม่าสีหน้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับ
การชายตามองของทั้งสองยิ่งกระตุ้นให้ชุ่ยหรงชิงชัง
ยังไม่ถึงยามจื่อ* คนสกุลหานก็ทยอยกันกลับเข้าห้อง เหล่าสาวใช้จึงทยอยกลับไปด้วย พรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่ค่อยเก็บข้าวของกลับคฤหาสน์สกุลหาน คืนนี้ทุกคนล้วนค้างคืนกันในสวนแห่งนี้