บุรุษหนุ่มหันร่างขึ้นหอ เตรียมตัวพักผ่อน เมื่อขึ้นไปชั้นบนก็เหลือบเห็นว่าตรงราวระเบียงใต้ชายคา อาเหม่ากำลังพิงราวทอดสายตามองออกไปไกล พระจันทร์ในวันที่สิบแปดของเดือนยังคงสว่าง แม้จะมืดหายไปมุมหนึ่ง นั่นก็ไม่มีผลกับความกระจ่างใสนวลของแสงจันทร์แต่อย่างใด ดวงหน้าของสาวน้อยนวลผ่องงามตา แสงจันทร์สีเงินยวงอาบทออยู่บนใบหน้าของนางราวกับผ้าโปร่งผืนบาง ดูลับลวงดุจจันทรา
เซี่ยฟั่งมองนางอย่างจดจ่อ จนกระทั่งสาวน้อยเอียงหน้ามองมา เขาจึงละสายตา ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปหานาง
อาเหม่ารอให้เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วจึงกล่าว “ข้าเห็นนายท่านออกไปแล้ว แต่มิได้ให้ท่านตามไปด้วย และไม่พาบ่าวคนไหนไปด้วยเลย แม้แต่รถม้าก็ไม่ได้ใช้”
เซี่ยฟั่งยิ้มบาง “เจ้ารู้สึกแปลกจริงด้วย”
อาเหม่าจับตาทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าบ้านสกุลหาน มิใช่เพราะชอบเขา แต่เพราะกลัวว่าเขาจะทำเรื่องที่นางขยะแขยงทว่ามิอาจขัดขืนได้มากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงต้องจับตาผู้เป็นนายมากเป็นพิเศษ นางเห็นเซี่ยฟั่งยิ้มแปลกๆ ดวงตาคู่สวยจึงหลุกหลิกเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม “พ่อบ้านเดาได้แล้วหรือว่ามีสาเหตุอันใด”
“นายท่านบอกว่าเขาจะไปพบสหายคนสนิท จะร่ำสุราสนทนากันข้ามคืน เพราะฉะนั้นคืนนี้จึงไม่กลับมาแล้ว” เซี่ยฟั่งกล่าว
อาเหม่าผ่อนลมหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
อิริยาบถที่เล็กน้อยนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเซี่ยฟั่ง
อาเหม่าดีใจอยู่ครู่หนึ่งก็มีคำถาม “สหายที่จะร่วมร่ำสุราทั้งคืนใช่ว่าจะไม่มี แต่คนที่ชอบความหรูหราใหญ่โต ทั้งยังห่วงชีวิตอย่างนายท่านนั้นไหนเลยจะไม่พาบ่าวรับใช้ไปด้วย ให้บ่าวไพร่ติดตาม คอยรินสุราให้ ออกจะดีมิใช่หรือ นอกเสียจากว่า…”
เซี่ยฟั่งเหลือบมองนางเล็กน้อย เขารู้ว่านางจะเดาได้
อาเหม่าเข้าใจกระจ่างทันที “นอกเสียจากนายท่านไม่อยากให้ใครรู้ว่าคนที่เขาจะไปพบคือใคร แต่หากเป็นเพียงสหาย เหตุใดจึงไม่ให้พวกเรารู้ หรือว่า…”
เซี่ยฟั่งแย้มยิ้ม ฟังนางพูดต่อไป ส่วนลึกในแววตาสะท้อนความละมุนดั่งแสงจันทร์
อาเหม่าไม่กล้าพูดไปชั่วขณะ นางเงยหน้าขึ้นมองเขา ยามที่เห็นร่างสูงมีสีหน้านุ่มนวล หัวใจดวงน้อยก็พลันเต้นโครมคราม จึงรวบรวมความกล้ากล่าวว่า “นอกจากนายท่านจะโกหก คนที่เขาไปพบกลับมิใช่สหายอะไร อาจจะเป็น…ชู้รัก ทั้งยังเป็นชู้รักที่มีฐานะที่มิอาจบอกใครได้”
ในที่สุดเซี่ยฟั่งก็พยักหน้า เขามองอาเหม่าไม่ผิด นางช่างฉลาดหลักแหลมยิ่ง
“แต่ยังมีอีกข้อหนึ่ง” อาเหม่าไม่เข้าใจ “นายท่านมีภรรยาและอนุเต็มเรือนแล้ว ยามนี้เดินทางรอนแรมมาถึงที่นี่ แล้วยังตั้งใจไปพบนางโดยเฉพาะ เพียงเพื่อปิดเป็นความลับแล้วถึงกับไม่พาบ่าวรับใช้ไปด้วย ไม่กลัวว่าระหว่างทางจะประสบภยันตรายอะไรหรือ เห็นได้ชัดว่านายท่านรักใคร่โปรดปรานหญิงผู้นั้นมาก แล้วเหตุใดจึงไม่รับนางกลับสกุลหาน นายท่านยังต้องพะวงอะไร…”
“เรื่องนี้มีแต่นายท่านที่รู้แล้ว” เซี่ยฟั่งครุ่นคิดแล้วบอก “หรือบางทีฐานะของหญิงผู้นั้นอาจน่าอายเกินกว่าจะบอกใครได้”
อาเหม่าคิดแล้วก็เข้าใจได้ในทันที จึงกดเสียงลงต่ำกล่าวด้วยความตกใจ “หรือจะเป็นหญิงนางโลม!”
“น่าจะใช่”
อาเหม่าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าบ้านสกุลหานจึงไม่รับหญิงผู้นั้นเข้าตระกูล หนึ่งคือฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบ สองคือแม้อนุภรรยาคนอื่นๆ จะมาจากตระกูลยากจนแต่ก็นับว่าไร้ราคี อีกอย่างคือการรับหญิงคณิกามาเป็นอนุภรรยาน่ากลัวว่าเจ้าบ้านสกุลหานผู้ทะนงตนอาจถูกสวมเขาเอาได้ จะให้เขาตัดสินใจรับนางเข้าตระกูลก็มิใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาอันสั้น
ทันใดนั้นอาเหม่าก็ตื่นจากภวังค์ นี่เซี่ยฟั่ง…กำลังบอกความลับกับนางหรือ
พ่อบ้านผู้มีนิสัยเย็นชาพูดเรื่องเหล่านี้กับนาง
นั่นหมายถึงอะไร
เป็นครั้งแรกที่อาเหม่าผู้ชาญฉลาดอ่านใจเขาไม่ออก