ทดลองอ่าน Princess Syndrome ตอนที่ 2 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Jamsai

ทดลองอ่าน Princess Syndrome ตอนที่ 2

ในค่ำคืนหนึ่ง เจิ้งฉู่เย่าโทรศัพท์มาหาฉันซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เสียงของเขาทั้งแข็งทื่อและฟังดูห่างเหิน เหมือนกับว่าที่ปลายสายด้านโน้นมีคนถือมีดจ่อที่คอเขาและบังคับให้เขาพูดชื่อฉันออกมา [หลินซิงเฉิน?]

ขณะนั้นเองมือของชายหนุ่มคนหนึ่งก็กำลังลูบไล้บนแผ่นหลังที่ขาวเนียนเกลี้ยงเกลาของฉัน กำลังมือไม่หนักไม่เบาไล่จากต้นคอไปยังสะโพก ฉันซุกหน้าลงบนหมอนขนเป็ดอย่างแสนสบาย แล้วทำเสียงฮึมฮัมทางรูจมูก “หืม?”

[ศุกร์นี้ว่างหรือเปล่า] เจิ้งฉู่เย่าถาม

นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของชายหนุ่มกดที่คอฉัน แล้วทันใดนั้นก็ออกแรงกดบีบ ทั้งนวดทั้งกดลงที่บริเวณกึ่งกลางบ่าของฉัน จากนั้นความรู้สึกชาไม่มีแรงเหมือนถูกช็อตด้วยกระแสไฟฟ้าก็แผ่ซ่านจากสันหลังไปทั่วทั้งร่างกาย ฉันอดที่จะส่งเสียงทอดถอนใจไม่ได้ “ฮ้า~”

แล้วจู่ๆ ปลายสายด้านโน้นก็เงียบไป ฉันคิดว่าเจิ้งฉู่เย่าวางสายไปแล้ว ฉันเลยวางโทรศัพท์มือถือไว้ด้านข้างแล้วร้องฮึมฮัมในลำคอต่อ “อืม ตรงนี้เลย แรงอีกหน่อย…”

“แรงเท่านี้พอมั้ยครับ” ชายหนุ่มถาม เขาออกแรงตรงจุดเมื่อครู่นี้ “สบายมั้ยครับ”

“อ้าๆๆๆ สบายจัง…” ฉันรู้สึกสบายจนงอนิ้วเท้าและอดพูดเสียงหวานนุ่มนวลไม่ได้ “อ่ะฮ้า~ Baby คุณเยี่ยมไปเลย…”

นึกถึงเมื่อสามสี่วันก่อน ฉันพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องผู้ป่วยเด็กของโรงพยาบาล มองดูตัวการ์ตูนแมวไร้ปากสีหน้าซึมกะทือที่มีอยู่ทั่วห้อง อีกทั้งมีเสียงกรีดร้องตกใจดังลอยมาจากนอกห้องเป็นระยะๆ ถึงจะไม่ป่วย แต่ก็ใกล้จะประสาทกินแล้ว

ฉันสงสัยเหลือเกินว่าเด็กแต่ละคนคงจะเป็นเครื่องขยายเสียงที่ใส่แบตเตอรี่ดูราเซลล์เอาไว้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะร้องไห้คร่ำครวญต่อเนื่องไม่หยุดเป็นครึ่งชั่วโมงได้อย่างไรกัน

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือพอเด็กคนหนึ่งเริ่มร้องไห้ มันก็เหมือนกับเป็นโรคติดต่อไปยังคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่…หากร้องไห้กันแบบนี้ ต่อให้มีสิบกำแพงเมืองจีนก็ถูกคลื่นเสียงพังทลายหมด

ฉันอดทนอยู่นานสามชั่วโมงสามสิบสี่นาทีกับอีกสิบแปดวินาที ฉันอดทนจนสุดที่จะทนได้ แล้วรีบทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อหนีไปจากนรกเสียงดังแสบแก้วหูแห่งนี้

ตอนแรกฉันคิดว่าโล่งอกแล้ว ใครจะรู้เล่าว่าพอตกกลางคืน ฉันนอนอยู่บนฟูกที่นอนคุณภาพดีของแบรนด์ฟาโลโมจากอิตาลี แต่กลับรู้สึกแปลกๆ ไปทั้งตัว ปวดตรงนี้ เจ็บตรงนั้น ทำให้นอนไม่หลับอยู่หลายคืน

คุณนายจูเลียแนะนำให้ฉันไปนวดแผนไทย เธอให้นามบัตรฉันมาใบหนึ่งและบอกว่าหมอนวดท่านนี้มากไปด้วยประสบการณ์ อีกทั้งยังให้บริการถึงที่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

เมื่อเห็นว่าเป็นหมอนวดผู้ชาย ฉันก็รู้สึกขัดๆ เล็กน้อย ยิ่งพอนึกถึงว่าตัวเองต้องถูกชายแปลกหน้าลูบคลำตัวไปมาก็รู้สึกอายจริงๆ! แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยสำรวม แต่ก็ยังพอมียางอายอยู่บ้างเหมือนกัน

‘หมอนวดผู้ชายแข็งแรงมาก เรี่ยวแรงก็เยอะ สิ่งสำคัญคือ ‘อึด’ ลองสักครั้งแล้วจะติดใจ แล้วต่อไปจะเรียกหาแต่หมอนวดผู้ชาย’ คุณนายจูเลียบิดขี้เกียจเล็กน้อย หน้าอกภูเขาไฟทำเอากระดุมบริเวณหน้าอกเกือบหลุดกระเด็นไปตามการเหยียดตัวของเธอ

‘งั้นเหรอ’ ฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพลางเหลือบมองหน้าอกภูเขาไฟที่อยากออกมาทักทายผู้คนของเธอทีหนึ่ง ฉันแอบเสียใจว่าทำไมยีนดีๆ แบบนี้ถึงไม่ถ่ายทอดมาถึงฉันบ้าง ฉันเตือนเธอด้วยคำพูดที่ร้ายกาจ ‘แม่ พักนี้ดูเหมือนว่าหน้าอกแม่จะหย่อนนิดหน่อยแล้วนะ’

คุณนายจูเลียหน้าแดง จากนั้นกรีดร้องและทุบฉันอย่างแรงหนึ่งที

‘โอ๊ย คอหนู…’ ฉันร้องครวญคราง

จนกระทั่งเที่ยงคืนฉันก็ยังคงปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไม่หาย ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงจำต้องข่มความเขินอายเรียกหาหมอนวดแผนไทยที่คุณนายจูเลียพูดชมไม่ขาดปาก เดิมทีฉันคิดว่าหมอนวดที่มาหาจะเป็นคุณลุง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนหนุ่มแน่นกำยำ นิ้วมือคล่องแคล่วว่องไว อีกทั้งเทคนิคยังใช้ได้ทีเดียว

สิบกว่านาทีต่อมา ฉันกัดฟันพลางร้องครางเบาๆ “อืม ฝีมือไม่เลวเลย ต่อไปให้ฉันเหมาคุณนะ”

“ไม่ทราบว่าต้องการ ‘บริการพิเศษ’ หรือเปล่าครับ” หมอนวดเน้นหนักตรงคำว่า ‘พิเศษ’

“หืม…” ฉันเกาหัว ในใจก็คิดว่ามีบริการ ‘พิเศษ’ ด้วย คิดไม่ถึงว่ากิจการด้านการนวดก็มีกลยุทธ์การกระจายธุรกิจเช่นกัน แต่ว่าฉันนอนไม่หลับติดต่อกันมาสามสี่วันจนสิวใกล้จะผุดขึ้นบนหน้าผากแล้ว เรื่องนอนหลับเต็มอิ่มอย่างเป็นเวลาสำคัญกว่า

“โอเคๆ ไว้ค่อยคุยกันคราวหน้าละกัน” ฉันโบกไม้โบกมือเล็กน้อย

หมอนวดเองก็ไม่ได้บังคับคาดคั้นอะไร เขากล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท แถมยังใส่ใจช่วยปิดไฟให้ฉันด้วย หลังจากเก็บข้าวของอย่างเงียบๆ เสร็จก็ออกจากห้องไป แล้วไปรับเงินกับคุณลุงพ่อบ้าน

ส่วนฉันยังคงอยู่ในท่านอนคว่ำตะแคงหน้าอยู่บนเตียง เนื้อตัวผ่อนคลายหายปวดเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง แล้วความง่วงงุนก็ค่อยๆ เข้าจู่โจม ทำให้หนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ…

[หลินซิงเฉิน!]

ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนแหบแห้งที่เย็นเยียบไปถึงกระดูกก็ลอดเข้ามาในหูฉัน ราวกับเสียงของปีศาจร้ายที่มาจากขุมนรก ฉันสะดุ้งตกใจ ความง่วงงุนหายไปกว่าครึ่งทันที

“แม่จ๋า ผีหลอก! ใครเรียกฉันน่ะ!”

ฉันเหลือบเห็นที่ข้างหมอนมีแสงไฟรำไร ที่แท้ก็มาจากโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

คนหลอกคนสามารถหลอกถึงตายได้เลย ฉันเป็นคนขี้ขลาดมาก

ฉันขยี้ตา ก่อนจะเห็นชัดเจนว่ารูปใบหน้าของเจ้าคนขี้ฉุนเฉียวเจิ้งฉู่เย่าบนหน้าจอยังคงสว่างอยู่ เจ้าหมอนี่ยังไม่ได้วางสายหรอกเหรอเนี่ย

ฉันรับสายอย่างไม่พอใจ “นี่ นายยังไม่วางสายอีกเหรอ”

[เธอต่างหากที่ต้อง ‘วางสาย’!] เจิ้งฉู่เย่าพูดจาน้ำเสียงไม่ดี [นี่ เธอทำธุระเสร็จแล้วหรือยัง]

พิลึกคน โทรมาก่อกวนคนอื่นตอนดึกดื่นเที่ยงคืน ขนาดฉันยังไม่โมโห แล้วเขาโมโหเรื่องอะไร

แต่คนขี้ฉุนเฉียวก็คือคนขี้ฉุนเฉียว เอะอะก็ชอบโมโห เป็นโรคเจ้าชายชัดๆ เราอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลย

“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดเจ้าคะ” ฉันหาวหนึ่งที

มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันจะนอนแล้ว

[เธอ! ยัยคนลา…] เขากัดฟันกรอดๆ แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงค่อยกลั้นหายใจพูดว่า [ศุกร์นี้]

“หืม?”

[อาเมิ่งซีอยากจะทานข้าวกับเรา]

“อืม” ฉันตอบสั้นๆ

[ส่วนเวลากับสถานที่ฉันจะส่งข้อความไปให้ อย่าลืมไปตามนัด แค่นี้นะ] ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากคุยด้วยอีกแม้แต่วินาทีเดียว เขาพูดจบอย่างรวดเร็วแล้ววางสายไป

ฉันงุนงงอยู่พักหนึ่ง

ไม่ใช่สิ เมื่อกี้รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่จะด่าฉันว่าลามกใช่ไหมนะ

ฉันไปทำอะไร เขาถึงได้ใส่ร้ายกันแบบนี้

นึกถึงวันนั้นที่ตกลงไปในสระว่ายน้ำ เจิ้งฉู่เย่าอุ้มอวี๋หยางหย่างขึ้นมา แล้วทำมิดีมิร้ายกับหญิงสาวที่สลบไสลตรงริมสระว่ายน้ำ ทั้งจูบทั้งหอม นี่ไม่เรียกว่าทะลึ่งลามก โรคจิต ต่ำทราม แล้วเรียกว่าอะไร

นึกไม่ถึงว่านิตยสารก๊อสซิปจะยังลำเอียงชมเขาว่าเป็นคนกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและช่วยเหลือผู้อื่น

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คนที่ผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนแบบที่พวกเขากล่าวชมเสียหน่อย!

เห็นได้ชัดว่าเจ้าเจิ้งฉู่เย่าคนขี้ฉุนเฉียว ‘กวนน้ำจับปลา’ …เอ๊ะ ใช้สำนวนนี้ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วฟังดูแปลกๆ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าไม่เหมาะสมอย่างไร…ช่างเถอะ ฉันไม่เก่งภาษาจีน ทุกคนเข้าใจความหมายก็พอแล้ว

ฉันก่นด่าใส่โทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังตู๊ดๆ อยู่สักพักใหญ่ “เจิ้งฉู่เย่า นายต่างหากผู้ชายลามก ทะลึ่ง โรคจิต ต่ำทราม! ฮึ!”

พอถูกเขายั่วโมโห หัวสมองฉันก็ปลอดโปร่งขึ้นเล็กน้อย แล้วหวนนึกถึงเรื่องในวันนั้น…อันที่จริงฉันเองก็ถูกช่วยชีวิตไว้เหมือนกันนี่นา

แม้ว่าวิธีการของคนคนนั้นออกจะป่าเถื่อนสักหน่อย แต่ให้ตายสิ เขาพูดขอโทษฉันถึงสองครั้ง ทำเอาฉัน…อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองได้รับการขอโทษจริงๆ

จู่ๆ เลือดลมก็พลุ่งพล่านอย่างน่าประหลาด แม้แต่กกหูก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ฉันสูดหายใจเข้าลึก ลื่นไถลลงจากเตียง แล้วค้นเอาเสื้อคลุมสีขาวเหลือบเงินตัวนั้นออกมา

ขณะที่สารรูปฉันยับเยินไม่เป็นท่า คนคนนั้นก็ถอดเสื้อคลุมมาคลุมบนตัวฉัน แล้วเขายังพูดว่า…

‘ไม่เป็นไรแล้วนะ’

คำพูดนี้ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ

ชุดนี้เป็นเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดแบรนด์มาร์ก จาคอบส์ แบรนด์นี้ใส่ให้ดูดียาก แบบเสื้อพอดีตัวดูกระฉับกระเฉง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีเมทัลลิกแบบนี้ คนที่สวมใส่จะต้องมีรูปร่างผอมสูงและไหล่กว้างถึงจะดูดีมีออร่า

ฉันสวมเสื้อคลุมลงบนตัว สอดมือออกมาทางปลายแขนเสื้อ นิ้วมือฉันโผล่มาแค่ครึ่งเดียว ระดับความยาวของเสื้อคลุมบังปิดบั้นท้ายฉันพอดี ดูท่าว่าเจ้าของเสื้อคลุมตัวนี้น่าจะสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบ

ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนนั้นชุลมุนวุ่นวายเหลือเกิน ฉันเลยไม่ได้มองหน้าเขาให้ชัดๆ

ฉันควรจะกล่าวขอบคุณเขาสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตฉันเป็นใคร

ในสมองฉันค้นหาและเปรียบเทียบไปมาไม่หยุด ในงานปาร์ตี้วันนั้น แขกหนุ่มๆ ที่สูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรมีใครบ้างนะ

มีเงินซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมอย่างมาร์ก จาคอบส์มาใส่ได้ ชาติตระกูลคงจะดีใช้ได้ทีเดียว แล้วก่อนที่จะทุบฉันสลบยังรู้จักพูดขอโทษก่อน แสดงว่าได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี ถึงแม้จะแต๊ะอั๋งฉันนิดหน่อย ทว่าเห็นแก่ที่ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน คนสวยจิตใจดีอย่างฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาแล้วกัน

รู้สึกว่าเขาจะไม่ใช่คนที่แข็งแรงกำยำนัก แต่ท่อนแขนของเขาที่โอบกอดฉันนั้นมีเรี่ยวแรงมาก แผงอกของเขาที่แนบชิดกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉัน กล้ามเนื้อบนหน้าอกขยับขึ้นลงเล็กน้อย เมื่อได้สัมผัสก็รู้สึกดีทีเดียว ท่าทางจะเป็นผู้ชายที่รักการออกกำลังกายอยู่เหมือนกัน…

อ๊าๆๆๆ! ฉันเอามือปิดหน้าและกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงขนาดใหญ่ สุดท้ายก็ลุกขึ้นนั่งแล้วตบหน้าตัวเองดังฉาด

หลินซิงเฉิน เธอนี่มันจริงๆ เลย เกิดจินตนาการลามกกับเสื้อคลุมหนึ่งตัวอย่างนั้นเหรอเนี่ย

เนื่องจากถูกคู่หมั้นหนุ่มเมินก็เลยอิงไออุ่นจากการกอดเสื้อคลุมของผู้ชายคนอื่น หรือว่าแท้จริงแล้วคนที่ลามก โรคจิต และต่ำทรามคือฉันเอง?

Comments

comments

Continue Reading

More in Jamsai

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 3

บทที่ 3 ความผิดพลาด+ใต้แสงจันทร์ แม้สิ่งที่ไทเฮากล่าวจะเป็นประโยคคำถาม แต่ซูโม่อี้ก็รู้ว่านางไม่ได้มีความตั้งใจจะถามเขาเ...

community.jamsai.com