ทว่าเพราะฮ่องเต้เคยยกย่องฝีมือการเขียนพู่กันจีนของหร่านซวิ่นอย่างใหญ่โต ตรัสว่าเขาเป็นคนที่รู้จักหยิบยกข้อดีของผู้อื่นมาเสริมตนเองให้แข็งแกร่ง ครั้งนี้หลี่เฉิงเพ่ยจึงยินดีในการมาของเขามาก อดทนฟังคำชี้แนะตักเตือนของหร่านซวิ่นจนจบ จากนั้นหลี่เฉิงเพ่ยก็หยิบม้วนอักษรออกมา ถามเขาว่าจะเขียนอักษรแบบเดียวกันออกมาใหม่อีกแผ่นได้หรือไม่
หร่านซวิ่นเอาแบบคัดลายมือมาพิจารณาดูอย่างละเอียด แล้วประสานมือคารวะหลี่เฉิงเพ่ย “รัชทายาทโปรดอภัย เกรงว่ากระหม่อมจนปัญญาจะช่วยเหลือได้”
“แค่นี้ก็เขียนไม่ได้หรือ เสียแรงท่านเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญการเขียนพู่กันจีน!” หลี่เฉิงเพ่ยได้ยินคำตอบแล้วไม่พอใจ อดจะเอ่ยปากตำหนิออกมาไม่ได้
“รัชทายาท ถ้ากระหม่อมไม่ได้ดูผิด ม้วนอักษรนี้หานหล่างเป็นผู้เขียน ตัวอักษรของหานหล่างมีท่วงทำนองเฉพาะตัว มีรูปแบบของตนเอง ปีนั้นในเมืองหลวงฝีมือการเขียนพู่กันจีนของเขายอดเยี่ยมเหนือผู้อื่น ผู้คนยกย่องว่าเป็น ‘อักษรหาน’ ไม่ใช่คนทั่วไปจะลอกเลียนแบบได้” หร่านซวิ่นเป็นนักเขียนพู่กันจีนอยู่แล้ว พอเอ่ยถึงเรื่องเขียนพู่กันจีนจึงพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ “กระหม่อมจำได้ตอนรองหัวหน้าหานอยู่เมืองหลวง ตัวอักษรที่เขียนจะใช้พู่กันเล็กบาง ตัวอักษรในม้วนอักษรนี้แม้เสน่ห์จะยังอยู่ แต่มีความอวบอิ่มเข้มแข็งมีพลังเพิ่มเข้ามาหลายส่วน ทั้งฮึกเหิมซ่อนคม และยิ่งงดงามมีท่วงทำนองแปลกใหม่ หรือจะเป็นตัวอักษรที่เขาเขียนขึ้นหลังไปจากเมืองหลวง คิดไม่ถึงว่าหลังจากหานหล่างถูกลดตำแหน่ง ยังคงมุมานะฝึกฝนไม่หยุด ในด้านสมาธิและศิลปะในการเขียนก็ก้าวหน้าขึ้น นับว่าน่าชื่นชมยิ่งนัก…”
“พูดไปพูดมา ท่านก็เขียนไม่ได้ใช่หรือไม่” หลี่เฉิงเพ่ยเกาศีรษะด้วยความหงุดหงิด “ข้ารับปากจะชดใช้ให้ผู้อื่น เฮ้อ รำคาญเสียจริง รำคาญเสียจริง!”
เห็นรัชทายาทร้อนรนใจเช่นนี้ หร่านซวิ่นก็เอ่ยปลอบใจขึ้นช้าๆ “กระหม่อมแม้จะไม่อาจเขียนตัวอักษรเช่นนี้ได้ แต่กระหม่อมพอจะรู้วิธีซ่อมแซมอยู่บ้าง อาจทำให้ม้วนอักษรนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้”
“จริงหรือ!” หลี่เฉิงเพ่ยทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ
“กระหม่อมไม่กล้าหลอกลวงรัชทายาท” หร่านซวิ่นยิ้มแล้วกล่าวต่อ “แม้กระหม่อมจะไม่ทราบว่าท่านไปได้ม้วนอักษรนี้มาจากที่ใด แต่ตัวอักษรของหานหล่างม้วนนี้พูดได้ว่ายอดเยี่ยมเลิศล้ำ ถ้าต้องเสียหายไปก็น่าเสียดายมาก กระหม่อมยินดีจะทุ่มเทความสามารถน้อยนิดที่มีอยู่ ให้ตัวอักษรของหานหล่างตกทอดสืบต่อไป”
“ดียิ่งนัก!” หลี่เฉิงเพ่ยดีใจจนตบมือไม่หยุด
“ทว่า…” หร่านซวิ่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ระยะนี้รัชทายาทดื้อรั้นเกินไป ฝ่าบาททรงพระทัยร้อนรุ่มเป็นไฟด้วยเรื่องนี้…”
“รู้แล้ว รู้แล้ว!” หลี่เฉิงเพ่ยกำลังอารมณ์ดีจึงรับปากเขาอย่างพอขอไปที “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปข้าจะตั้งใจเรียนหนังสือ พอใจแล้วกระมัง”
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา