ก่อนฉีซู่จะก้าวเข้ามาในวังหลวงก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าผู้ปกครองบ้านเมืองกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้จะมีชีวิตความเป็นอยู่เช่นไร ด้วยเหตุนี้ตอนเข้ามายังวังหลวงในส่วนที่เรียกว่า ‘ฝั่งตะวันออก’ นางจึงรู้สึกตะลึงลานกับทัศนียภาพที่ได้เห็นยิ่งนัก
พระราชวังที่ยกพื้นสูงเชื่อมติดกับทางเดิน ตัวอาคารสูงตระหง่านโอ่อ่าสง่างามทอดยาวเหยียด บริเวณสองฟากข้างมีศาลาหอเก๋งมากมาย หลังคาปลายงอนและปุ่มไม้รับน้ำหนักรูปโค้งที่ปลายคาน แลละม้ายพญาอินทรีกางปีกสองข้างทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ในชีวิตช่วงก่อนหน้านี้ของนาง ไม่เคยเห็นสถานที่งดงามใหญ่โตน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าที่นี่มาก่อน
หลังจากกวาดสายตามองไปทั่วๆ รอบหนึ่ง ขันทีผู้ดูแลฝ่ายในก็พานางไปที่กองงานฝ่ายใน จากนั้นผู้รับใช้ฝ่ายในก็พานางเข้าไปยังฝ่ายในที่ฮองเฮาและพระสนมนางในพำนักอยู่ เปรียบกับพระราชวังด้านหน้าที่ใหญ่โตโอฬาร เห็นชัดว่าสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายในสวยงามกว่า ในวังขุดทะเลสาบขนาดใหญ่เอาไว้ รอบๆ ทะเลสาบปลูกต้นหลิวไว้จำนวนมาก ภาพศาลาหอเก๋งมากมายสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ อีกทั้งยังมีกิ่งหลิวที่ห้อยย้อยปลิวระผิวน้ำในทะเลสาบอยู่ตลอดเวลา
บนทางเดินเล็กๆ ริมทะเลสาบ นางกำนัลอายุราวสิบสี่สิบห้ากลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเล่นกัน ฉีซู่เดินเข้ามาใกล้ ถึงรู้สาเหตุที่พวกนางต้องวิ่ง…มีเด็กชายในชุดผ้าดิ้นดวงตาทั้งสองมีผ้าต่วนสีแดงคาดปิดอยู่คนหนึ่งกำลังวิ่งไล่จับเหล่านางกำนัล คนในวังต่างหลบหลีกมือทั้งสองของเด็กชายที่ยื่นออกมาไล่คว้าพลางหัวเราะคิกๆ คักๆ
เห็นชัดว่าเด็กชายผู้นั้นได้ยินเสียงหัวเราะของพวกนาง แต่เนื่องจากเสียงดังมาจากทุกทิศทาง เขาจึงออกจะสับสน ในเวลานี้เองนางกำนัลคนหนึ่งหัวเราะแล้ววิ่งผ่านข้างกายฉีซู่ไป เด็กชายได้ยินแล้วรีบเดินคลำทางมาทางด้านนี้ทันที เขากะระยะทางไว้แล้ว มาถึงก็กระโจนเข้าใส่ กอดร่างอุ่นๆ แบบบางร่างหนึ่งไว้ในอ้อมแขนทันที
“จับได้แล้ว!” เด็กชายเปล่งเสียงตะโกนขึ้น ดึงผ้าต่วนสีแดงที่ปิดตาออก นึกไม่ถึงว่าผู้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขากลับเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย
ฉีซู่ถูกเขากอดอยู่ในอ้อมแขน รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เหล่านางกำนัลเห็นเด็กชายจับผิดคนก็พากันสุมหัวกระซิบกระซาบ ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเบาๆ ฉีซู่ยิ่งขวยอายหนัก เอามือบิดชายกระโปรงของตนแน่นด้วยความกระวนกระวายใจ
“เจ้าเป็นใคร” เด็กชายยังไม่ยอมปล่อยตัวฉีซู่ ทั้งยังเอ่ยถามออกมาตรงๆ
ผู้รับใช้ฝ่ายในสูงวัยที่รับหน้าที่นำทางให้ฉีซู่รีบก้าวเข้ามาตอบคำ “ทูลรัชทายาท นางคือนางกำนัลที่เพิ่งได้รับคัดเลือกเข้ามาในปีนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดจึงมีนางเพียงคนเดียว”
“ฮองเฮาทรงมีรับสั่งให้กระหม่อมพานางมาเข้าเฝ้าเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
“พระมารดาหรือ” เด็กชายได้ยินแล้วก็กวาดตามองประเมินฉีซู่อย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะเบ้ปากแล้วว่า “นางหน้าตาไม่สะสวยสักหน่อย พระมารดาจะเรียกพบนางตามลำพังเพื่ออะไร”
ฉีซู่รู้ว่าตนเองไม่นับเป็นเด็กที่หน้าตาสะสวยมาก แต่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนชี้ชัดออกมาตรงๆ เช่นนี้ จึงอดที่จะหน้าแดงฉานไม่ได้ และยิ่งทำให้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
“วังกลาง* มีรับสั่งมาเช่นนี้ กระหม่อมเองก็ไม่ทราบสาเหตุพ่ะย่ะค่ะ” ผู้รับใช้ฝ่ายในสูงวัยตอบอย่างนอบน้อม
เด็กชายก้มหน้าเอียงคอมองฉีซู่อยู่ครู่หนึ่ง ลักษณะท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ฉีซู่จำต้องมองสบตากับเขา นางพบว่าเด็กชายที่เกล้ามวยผมสองมวยบนศีรษะผู้นี้ผิวขาว หน้าตาสดใสหล่อเหลาชวนมองยิ่ง ฉีซู่เห็นเขารูปร่างหน้าตาสะสวยเช่นนี้ก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดตนจึงได้รับคำประเมินค่าจากเขาว่า ‘ไม่สะสวย’
* วังกลาง หมายถึงฮองเฮา
หมูกระต่าย
พฤศจิกายน 2, 2017 at 4:17 PM
อยากอ่านแล้วค่าาาา รอนะค้าาา