บทที่สาม
วันที่สิบสองเดือนอ้ายรัชศกเสี่ยนเต๋อปีที่สิบสี่ ใกล้จะถึงเทศกาลซั่งหยวน* อันสนุกสนาน
ในเมืองหลวงมีเพียงช่วงก่อนหลังเทศกาลซั่งหยวนสามวันเท่านั้นที่ทางการจะยกเลิกคำสั่งห้ามออกนอกบ้านยามวิกาล จึงเป็นเหตุให้ช่วงเวลานี้ในเมืองซีจิงคึกคักมาก วัดวาอารามต่างจุดโคมเฉลิมฉลอง ถวายเครื่องบูชา ทุกหนแห่งในเมืองหลวงจุดโคมไฟสว่างไสวดุจกลางวัน เสียงกลองเสียงเครื่องดนตรีบรรเลงดังไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า มีการละเล่นต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการประลองกำลังกันด้วยมือเปล่า กายกรรม พูดได้ว่าเป็นพิธีเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหนึ่งปี
ฮองเฮาทรงพระเมตตา หลังจากรับฉีซู่เป็นบุตรีบุญธรรมแล้ว ทุกปีจะทรงอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้นางออกจากวังได้ตั้งแต่ก่อนเทศกาลซั่งหยวน เพื่อจะได้กลับไปเยี่ยมมารดาผู้ให้กำเนิด ร่วมฉลองเทศกาลสำคัญพร้อมหน้าครอบครัว
รถม้าที่ฉีซู่นั่งออกจากวังไม่สะดุดตา ไม่มีอะไรแตกต่างกับบุตรสาวข้าราชบริพารทั่วไป ระหว่างเดินทาง ฉีซู่กวาดตามองถนนหนทางในซีจิงผ่านหน้าต่าง เมืองหลวงเดิมก็มีประชากรมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นช่วงเทศกาล บนถนนก็ยิ่งมีผู้คนเดินผ่านไปมามากมาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
รถวิ่งตรงมายังคฤหาสน์ของเจ้าเมืองนครหลวงซูมู่ ซูมู่กับซูเหรินและซูอี๋บุตรชายทั้งสองมารออยู่ก่อนแล้ว ฉีซู่ลงจากรถ กราบคารวะท่านลุงซูมู่ก่อน แล้วจึงทำความเคารพญาติผู้พี่ทั้งสองซูเหริน ซูอี๋ พ่อลูกทั้งสามคนต่างรีบพยุงฉีซู่ให้ลุกขึ้น
ซูมู่กล่าวกับฉีซู่ “แม่ของเจ้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว รีบไปเถิด”
ฉีซู่ผงกศีรษะ ให้หญิงรับใช้สูงวัยนำทางไปยังเรือนด้านใน พอพ้นจากสายตาของท่านลุงและญาติผู้พี่ นางก็ไม่ใส่ใจใครอีกและออกวิ่งทันที เข้ามาถึงลานด้านใน ฉีซู่ก็ถูกซูอิ่นที่เฝ้ารออยู่หน้าประตูคว้าตัวเข้ามาในอ้อมกอด “ลูกแม่!”
ฉีซู่ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดที่เคยคุ้น น้ำหูน้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไม่อยู่ “ท่านแม่!”
สองแม่ลูกกอดคอกันร่ำไห้ กระทั่งหวังซื่อ ภรรยาของซูมู่เร่งรุดมาถึง ถึงได้แยกทั้งสองออกจากกัน หวังซื่อเห็นท่าทางของพวกนางสองคนแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “ลูกกลับมาเป็นเรื่องดี เหตุใดจึงร้องไห้”
ซูอิ่นฟังแล้วเห็นว่าคำพูดของนางมีเหตุผล จึงปาดน้ำตาและจูงมือฉีซู่เข้าไปคุยกันในห้อง
ไม่นาน ซูมู่ก็ให้คนรับใช้มาบอกว่างานเลี้ยงในครอบครัวจัดเตรียมพร้อมแล้ว ซูอิ่นจึงพาฉีซู่ไปที่ห้องโถง ทั้งครอบครัวกินอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข ฉีซู่ได้ทราบว่าญาติผู้พี่ทั้งสองได้ผ่านการคัดตัวให้เข้ารับราชการในกองกำลังรักษาวังซานเว่ย** มาหลายปีแล้ว คุณสมบัติครบถ้วน คิดว่าปีหน้าจะเข้าร่วมทำการคัดเลือกและตรวจสอบคุณสมบัติกับกรมกอง ญาติผู้พี่ที่เป็นหญิงสองคนออกเรือนไปแล้ว ยังมีญาติผู้น้องที่เป็นหญิงอายุยังน้อยอยู่บ้านอีกสามคน เวลานี้ได้ซูอิ่นผู้เป็นอาหญิงช่วยสอนหนังสือและการเย็บปักถักร้อย
หลังงานเลี้ยง ฉีซู่นำของขวัญจากในวังมามอบให้ทุกคน คนในบ้านสกุลซูต่างก็มีของขวัญตอบแทน เนื่องจากทุกปีตอนฉีซู่ออกจากวัง รัชทายาทมักบอกให้นางเอาของเล่นที่น่าสนใจกลับไปฝากเขาสักหลายชิ้นด้วย คนบ้านสกุลซูจึงเตรียมของเล่นต่างๆ ไว้เป็นของขวัญตอบแทนโดยไม่ต้องบอกกล่าว จากนั้นซูอิ่นก็พาฉีซู่กลับห้องพัก ปิดประตูหน้าต่าง แล้วเพ่งพิศบุตรสาวอย่างละเอียด
* เทศกาลซั่งหยวน เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของเทศกาลหยวนเซียว ตรงกับวันที่สิบห้าเดือนอ้ายตามจันทรคติจีน ซึ่งเป็นคืนแรกของปีที่พระจันทร์เต็มดวง คนในครอบครัวจึงมาชมจันทร์กันพร้อมหน้า รับประทานขนมบัวลอยซึ่งแสดงถึงความกลมเกลียว ภายหลังจัดเป็นงานฉลองยิ่งใหญ่ต่อเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน มีประเพณีประดับโคมไฟ จึงเรียกอีกชื่อว่าเทศกาลโคมไฟ โดยมากชื่อเทศกาลซั่งหยวนมักใช้ในบริบทของพิธีทางการ
** ซานเว่ย หมายถึงกองกำลังรักษาวังทั้งสามได้แก่ ชินเว่ย ซวินเว่ย อี้เว่ย เป็นหน่วยงานที่เปิดรับลูกหลานของขุนนางที่มีความดีความชอบเข้ามาเป็นขุนนาง