Jamsai
ทดลองอ่าน เกมล่าเดิมพันรัก บทที่ 2
บทที่ 2
บ้าเอ๊ย!
ดื่มกาแฟนี่ช่างเหมือนกับดื่มน้ำเน่า ชายหนุ่มกลืนน้ำเน่าที่ว่าลงคอไปถึงนึกขึ้นได้ว่าเขาต้มกาแฟนี้เมื่อสองวันก่อน
เขาลุกขึ้นถือกากาแฟไปที่อ่างล้างจาน เห็นจานชามที่ไม่ได้ล้างกองพะเนิน ถ้าไม่ใช่เพราะอากาศหนาวมากคงต้องมีแมลงวันกับแมลงสาบยั้วเยี้ยเต็มไปหมดแน่
มองอ่างล้างจานที่มีจานชามกองพะเนินอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักแล้วเขาก็ตั้งใจว่าจะเอากากับถ้วยกาแฟวางไว้ที่โต๊ะก่อน แต่บนโต๊ะนี้ก็มีทั้งเอกสารและข้าวของมากมายกองสุมอยู่จนมองไม่เห็นพื้นโต๊ะ แน่นอนว่าก็คงหาที่ว่างสำหรับวางกาและถ้วยกาแฟนี้ไม่ได้
เขามองไปรอบๆ ทั้งที่มือยังถือกาและถ้วยกาแฟอยู่ รู้สึกได้ว่าระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียวทำให้บ้านเรือที่เคยสะอาดและเป็นระเบียบกลายเป็นกองขยะที่รกรุงรัง แม้กระทั่งพื้นก็ยังเต็มไปด้วยสารพัดสิ่งของที่กองอยู่แทบทุกตารางนิ้ว
ตอนนี้เองที่เขาสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาค่อยๆ ทวนความจำ…เขาเอาถ้วยชามจานช้อนและเสื้อผ้ากองรวมกันในอ่างล้างจาน กองอยู่บนโต๊ะ กองอยู่บนโซฟา กองอยู่ที่พื้น ทำเบียร์หกจนเป็นคราบอยู่ที่พื้น ตอนที่ซื้อพิซซ่ากลับมากินก็เป็นเขานี่แหละที่ทำซอสมะเขือเทศกับมันฝรั่งทอดเลอะเทอะไปทั่ว แล้วเขาก็ลืมสเต๊กเนื้อที่กินเหลือครึ่งหนึ่งวางไว้ที่เคาน์เตอร์สำหรับทำอาหาร
เขาจำได้ว่าตั้งใจจะเก็บกวาด จำได้ว่าตั้งใจจะเช็ดโต๊ะให้สะอาด แล้วยังจำได้ว่าจะต้องล้างจาน แต่ก็มักจะมีเรื่องราวมากมายคอยมาแทรกอยู่ตลอด
ลูกชายแม่ม่ายหายตัวไป สามีที่นอกใจภรรยาถูกภรรยากับกิ๊กเบอร์หนึ่งและเบอร์สองร่วมมือกันทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทนายความที่ละโมบเห็นแก่เงินวางแผนสังหารภรรยาที่ร่ำรวยของตน ข้าราชการต้องการเปิดโปงคดีทุจริตจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด นายแบบมีอะไรกับสาวในบาร์เหล้า ขึ้นเตียงไปแล้วถึงได้รู้ว่าสาวนั่นเป็นเด็กของหัวหน้ามาเฟีย นายแบบแทบจะเอาชีวิตไม่รอด…
กระเพาะเริ่มส่งเสียงร้องขึ้นมา ขัดจังหวะความคิดของเขา
แม่เจ้าโว้ย เขาหิวแล้ว
วิ่งไปครึ่งอังกฤษ กระทั่งหาเด็กที่เสียชีวิตจากการติดยาจนเจอ จัดการกับพวกผู้หญิงไร้สมองที่กำลังบ้าคลั่ง ยุติคดีลอบสังหาร ช่วยเหลือข้าราชการตัวเล็กๆ ที่มีคุณธรรม ไหนจะต้องเจรจาต่อรองกับหัวหน้ามาเฟียอยู่อีกครึ่งค่อนคืน หลังจากที่ช่วยนายแบบที่มีดีแค่รูปร่างหน้าตาแต่ไร้สมองได้แล้วเขาก็คิดว่าร่างกายควรจะได้กินอาหารดีๆ สักมื้อเสียที แต่เมื่อเขากลับมาที่บ้านเรือแล้วถึงได้รู้ว่าเขากินอาหารในตู้เย็นไปหมดแล้ว เสื้อผ้าทุกตัวก็ทั้งเหม็นสกปรกและยับย่นเหมือนกับผักดองตากแห้ง ไหนจะกาแฟที่เขาจะดื่มแก้เมาค้างก็กลายเป็นน้ำเน่าทั้งกา
สุดท้ายแล้วเขาจึงโทรศัพท์สั่งพิซซ่ามา
หลังจากเขาทิ้งกาแฟก็ล้วงมือถือออกมา กดหมายเลขทั้งที่คาดว่าจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่กลับได้ยินเสียงจากระบบที่ไม่คุ้นเคยแจ้งบอกว่าขณะนี้ไม่สามารถโทรออกได้เนื่องจากเขายังไม่ได้ชำระค่าโทรศัพท์ที่ค้างอยู่
เหมือนกับว่าเขายังโชคร้ายไม่พอ อยู่ๆ หลอดไฟเหนือศีรษะเขาก็ดับลงโดยไม่มีสัญญาณอะไรบอกล่วงหน้า
บ้าชะมัด!
อย่าบอกนะว่าเขายังไม่ได้จ่ายค่าไฟ
ยังดีที่เขาจำได้ว่าหลอดไฟในบ้านเรือลำนี้ใช้ไฟฟ้าจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งอยู่บนดาดฟ้า ถึงตอนนี้จะเป็นตอนกลางคืน แต่แผงไฟก็ได้ติดตั้งตัวเก็บประจุไฟฟ้าไว้แล้ว อีกทั้งเครื่องเตือนก็ไม่ได้ส่งสัญญาณเตือน ดังนั้นหากไม่ใช่ว่ามีคนอยากหาเรื่องเขาก็น่าจะเป็นเพราะสายไฟที่ไหนสักแห่งคงชำรุด
มือกำมือถือแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก เขาลุกขึ้นจากโซฟาที่มีเสื้อโค้ตกองอยู่ เดินขึ้นบันไดไป แล้วออกจากบ้านเรือที่โดนเขาทำจนกลายเป็นเล้าหมู
แม้ว่าฟ้าจะมืดมิดไปแล้ว แต่เขาก็เชื่อว่าจะสามารถหาอาหารที่ดูดีกินได้ในเมืองแห่งนี้
ขณะที่กำลังขึ้นฝั่งเขาเห็นเรือลำข้างๆ ยังเปิดไฟสว่างอยู่ มีหญิงชราแอบมองเขาจากทางหน้าต่าง
เขาแกล้งมองไม่เห็น ทำเพียงแค่ดึงปกเสื้อให้สูงขึ้น แล้วเดินต่อไป
เขาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว เรือของเขาไม่ได้มีใบอนุญาตจอดเรือถาวร ไม่อาจจอดเรืออยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินสองสัปดาห์ เขาควรจะออกเรือจากที่นี่ไปนานแล้ว ไปในที่ที่อบอุ่นกว่านี้ เขารู้ว่าที่ตัวเองเขายังอยู่ที่นี่ได้นั้นเป็นเพราะความช่วยเหลือของลูกค้าเก่า
เขาไม่ได้ชอบเมืองหรือประเทศนี้มากเป็นพิเศษ เพราะที่นี่ทั้งชื้นแล้วก็หนาวเย็น ผู้คนส่วนใหญ่ก็ดูรีบร้อน หน้าตาเย็นชา แล้วท้องฟ้าก็ดูเหมือนว่าจะมีฝนตกอยู่ตลอดเวลา
ว่ากันตามจริงแล้วเขายังคิดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงอยู่ที่เมืองนี้มานานหลายปี
ออกจากท่าน้ำแม่น้ำเทมส์ เขาก็เดินเร็วๆ ไปยังที่ที่มีแสงสีในยามค่ำคืน
บนถนนที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปยังบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง สั่งอาหารร้อนๆ มากิน แสงสว่างอันน้อยนิดในบาร์เหล้านี้ทำให้เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองกินอะไรเข้าไป อาจจะเป็นเนื้ออะไรสักอย่างมั้ง…น่าจะนะ
กินไปได้ครึ่งหนึ่งพลันเห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะจากไปโดยมีผู้ชายอีกคนอยู่ข้างๆ ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรเขาก็ลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปดึงผู้หญิงคนนี้ไว้
ผู้หญิงคนนั้นตกใจหันหลังมาดู เขามองเธอ แล้วก็มองใบหน้าของชายชาวตะวันออกที่ไม่รู้จักพลางนิ่งงันไปครู่หนึ่ง
“นายจะทำอะไร!” ผู้ชายคนนั้นดึงมือของเขาออก ถามด้วยน้ำเสียงโมโห
“ขอโทษครับ ผมจำคนผิดน่ะ”
เขาพูดแล้วก็ปล่อยมือออก กำลังจะหันหลังจากไปแต่อีกฝ่ายกลับดึงไหล่เขาไว้
เรื่องราวต่อจากนั้น…ทุกอย่างเข้าสู่ความวุ่นวาย เขาพลิกมือจับชายคนนั้นแล้วสะบัดออกไป ชายคนนั้นกระแทกเข้ากับโต๊ะ โต๊ะตัวนั้นเป็นโต๊ะของพวกแฟนบอลที่กำลังเชียร์บอลอยู่ แฟนบอลที่ถูกขัดจังหวะพุ่งเข้ามาตอบโต้เขา ที่จริงเขาควรจะหยุด แต่เพราะความโกรธที่ไม่รู้ที่มาเป็นตัวบังคับเขา อารมณ์ที่ถูกกดทับพลุ่งพล่านออกมา
เพียงชั่วครู่โต๊ะเก้าอี้ในบาร์เหล้าก็ปลิวกระจาย หมัดของเขายังคงปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเหล่าคนแปลกหน้าเต็มไปด้วยความโมโหโกรธา
เขาควรจะหยุดมือ
เขาไม่ได้นอนมานานหลายชั่วโมงแล้ว ทั้งยังดื่มเหล้าเข้าไปมากเกิน คนพวกนี้ก็เช่นกัน…ต่างดื่มกันจนเมา
อีกหลายนาทีต่อมา เขาเห็นสภาพของชายหลายคนที่นอนแผ่บนพื้นจึงรู้ตัวว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดไหน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบาร์เหล้าถือกระบองคำรามใส่เขาด้วยความโกรธและตกใจ สั่งให้เขารีบออกจากที่นี่
เขาหมุนตัวออกจากบาร์เหล้า รู้ว่าต่อไปคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่อีก
เดินผ่านไปสองซอย เขาหยุดยืนอยู่มุมหนึ่ง ถ่มเลือดที่อยู่ในปากออกมา เงยหน้าขึ้นมองเงาสะท้อนบนกระจกตู้โชว์ มองเห็นใบหน้าบวมช้ำของตัวเอง
กลางดึก หิมะค่อยๆ ตกลงมาอีก
เขาหมุนตัวเดินจากไปพลางคิด
ชีวิตคน…บ้าเอ๊ย…ชีวิตก็เหมือนกับก้อนขี้หมา
เขาซื้อเบียร์หลายกระป๋องแล้วกลับมายังเล้าหมูที่ไม่มีไฟฟ้า ดื่มเบียร์จนหมด นอนหลับไป ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาถึงได้เห็นว่าตัวเองอยู่ในที่ที่สะอาดที่สุดของเรือ
บนเตียงของเธอ