overgraY
ทดลองอ่าน REDMOON SYNDROME บทที่ 1 #นิยายวาย
ทันทีที่เปิดประตูสถานีตำรวจเข้าไป อากาศอบอุ่นภายในก็กระทบร่างกายของอาชิน ตำรวจหลายนายกำลังรอคอยการมาของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออูซองฮู พอเห็นอาชิน เขาก็ลุกขึ้นพรวดแล้วกางแขนออก
“เชิญครับ คุณนักสืบรยูอาชิน และ…คุณผู้ช่วย!”
แน่นอนว่าอาชินไม่มีทางให้ตัวเองถูกกอด เขาเดินเลี่ยงซองฮูไปหาตำรวจหญิงเพื่อฟังสรุปรายงานคดี
“สวัสดีครับ ช่วยอธิบายคดีให้ผมฟังหน่อยนะครับ”
นี่สินะ รยูอาชินในภาคคนดีที่ยอนฮีพูดถึง คิดแล้วชางอีก็หันไปยิ้มให้ซองฮู ความสูงของคนคนนี้พอๆ กับชางอี แต่ซองฮูผอมกว่า หน้าตาก็ดี รูปร่างก็สมส่วน ถ้าไม่ได้เป็นตำรวจก็ไปเป็นนายแบบได้สบายๆ
“แหม อาชิน จ้างบอดี้การ์ดมาซะด้วย”
นั่นคือประโยคแรกที่ซองฮูมองชางอีแล้วพูดออกมา ชางอีจึงยิ้มเขินๆ ก่อนเดินไปยังเก้าอี้ที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้ เขารอให้อาชินนั่งก่อนแล้วจึงนั่งลงข้างๆ
แม้ระยะทางระหว่างลานจอดรถกับอาคารของสถานีตำรวจจะใกล้กัน ใช้เวลาเดินแค่แป๊บเดียวก็ถึง แต่เพราะฝนที่ตกหนักมาก สภาพของอาชินจึงเปียกมะล่อกมะแล่ก ร่างเล็กๆ นั้นกำลังสั่นเทาราวกับลูกหมาหลงทาง แต่ชางอีก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป ได้แต่มองอย่างเป็นห่วงอยู่เงียบๆ
เมื่อตำรวจหญิงนำกาแฟมาเสิร์ฟ อาชินก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ภาคเทวดาของอาชินตามที่ยอนฮีบอกเป็นแบบนี้นี่เอง ในเสี้ยววินาทีนั้นชางอีแอบรู้สึกเสียดายที่ตัวเองเกิดมาเป็นผู้ชาย
ทันทีที่สายสืบอูซองฮูลุกขึ้นอธิบายรายละเอียดของคดี ชางอีก็รีบเปิดเครื่องอัดเสียง
“คดีฆาตกรรมนี้เกิดขึ้นที่เขตคังฮยาง ฆาตกรฆ่าเหยื่อแล้วจงใจทิ้งศพเอาไว้ให้เห็น ศพถูกแทงตามร่างกายหลายแผล สาเหตุการเสียชีวิตคือเสียเลือดมาก ประวัติส่วนตัวของเหยื่อใส่ไว้ในเอกสารแล้ว นำไปอ่านที่สถานที่พบศพได้…ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ฆาตกรรมที่คล้ายคลึงกันอยู่สองคดี โดยสิ่งที่คล้ายคือรูปแบบการฆ่าและตำแหน่งที่แทง ต่างกันแค่สถานที่พบศพ”
ซองฮูพูดคล่องมากราวกับเตรียมพร้อมที่จะรายงานให้อาชินฟังมานานแล้ว โลกของตำรวจคือการไล่ล่าคนร้าย แต่ตอนนี้ตำรวจกำลังขอความช่วยเหลือให้คนอื่นช่วยตามหาตัวคนร้าย มันเป็นการการทำที่เสียศักดิ์ศรีไม่มากก็น้อย แต่เพื่อการจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ ไม่ว่าวิธีไหนก็ต้องทำ
“ดูเหมือนคนร้ายจะไม่ได้ฆ่าส่งเดช แต่วางแผนในเรื่องของเวลา วิธีการและสถานที่เอาไว้ แถมเหยื่อที่ถูกฆ่าก็มีความสัมพันธ์กันด้วย นั่นคือทุกคนเคยเรียนโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน…นายช่วยยืนยันเรื่องนี้หน่อยนะ อาชิน”
พอเห็นอาชินทำหน้างง ซองฮูก็พูดให้ชัดเจนขึ้น
“พวกเขาเคยเรียนโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกับพวกเรา มันเป็นการจงใจชัดๆ พวกเขาอาจเคยพัวพันในเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนก็ได้”
อาชินทำหน้าเครียดทันที จากนั้นก็รีบเก็บเอกสารและรูปถ่ายของเหยื่อเข้าซองราวกับไม่อยากฟังอีกต่อไปแล้ว ชางอีจึงรีบปิดเครื่องอัดเสียง
“ที่เหลือผมจะเข้าไปดูในสถานที่พบศพครับ และตอนส่งตำรวจมาช่วยผม ช่วยส่งสิบตำรวจเอกยูนจียอนมานะครับ ไม่เอาอูซองฮู”
“ได้ครับ”
หัวหน้าทีมสืบสวนรับปาก
“แล้วทางตำรวจต้องการให้ผมช่วยสืบอะไรบ้างครับ”
อาชินยกกาแฟขึ้นดื่มพลางมองหัวหน้าทีมสืบสวน
“ทางเราได้ไปสำรวจสถานที่พบศพและได้ร่องรอยของคนร้ายมาบ้างแล้ว”
อาชินรับเอกสารมาจากหัวหน้าทีม ในเอกสารเขียนไว้ว่าผู้ชายรูปร่างธรรมดา ใส่รองเท้าเบอร์สองแปดศูนย์ เป็นข้อมูลที่ไม่เลวแต่ก็ไม่มีอะไรเด่นชัด อาชินเท้าคางอ่านก่อนจะส่งต่อให้ชางอีจดบันทึกเอาไว้
“ไม่ต้องจดๆ อันนั้นเป็นสำเนา เอาไปได้เลย”
“อ๋อ ครับ”
ท่าทางเงอะงะของชางอีเรียกเสียงหัวเราะในหมู่ตำรวจ บรรยากาศที่ตึงเครียดจึงดูผ่อนคลายลงไปมาก
“ฝนตกหนักแบบนี้ยิ่งง่ายต่อการชะล้างหลักฐานมากนะครับ ดังนั้นต้องรักษาสถานที่พบศพเป็นอย่างดี แล้วตอนนี้ศพอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“ส่งไปที่สถาบันนิติเวชแล้ว คุณได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูศพได้ เพียงแค่แสดงบัตรประชาชนของคุณ ส่วนสถานที่พบศพก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ทีมสืบสวนบางส่วนได้ไปตั้งศูนย์สืบสวนที่นั่นแล้วล่ะ พรุ่งนี้ทุกคนในทีมก็ต้องย้ายไปทำงานที่นั่นกันหมดจะได้สะดวกต่อการติดต่องาน”
“แล้วผมล่ะครับ”
“ทางเราเตรียมห้องพักไว้ให้คุณกับผู้ช่วยห้องนึง”
“เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแบบนี้ คิดจะให้ผมนอนห้องเดียวกับคุณยอนฮีเหรอครับ”
“แหม คิดมากไปแล้วครับ”
“ช่างมันเถอะครับ”
“ฮ่าๆๆ พรุ่งนี้ห้องพักถึงจะพร้อมนะครับ”
“ครับ หัวหน้าทีม”
บทสนทนาระหว่างอาชินกับหัวหน้าทีมนั้นช่างต่างกับตอนที่คุยกับซองฮูลิบลับ ทั้งท่าทางและน้ำเสียง ทันทีที่คุยเสร็จ อาชินก็ลุกก่อนเป็นคนแรก
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“กินข้าวด้วยกันก่อนสิครับ”
“ไม่ล่ะครับ ผมจะไปกินกับผู้ช่วย ยังมีงานต้องสะสางอีกเยอะเลยครับ”
“งั้นก็ตามสบายครับ”
อาชินโค้งคำนับให้ทุกคนแล้วเดินไปที่ประตูโดยมีซองฮูเดินตามหลังไป
“เฮ้ อาชิน คุยกันหน่อยสิ”
“ไม่”
ชางอีมองสองคนนั้นอยู่ห่างๆ ท่าทางดูสนิทกันมากกว่าที่คิด แต่ทำไมอาชินถึงได้เกลียดซองฮูมากขนาดนั้น
“อาชิน อย่าเครียดไปนักเลย ผ่อนคลายบ้างก็ได้”
“ผมชอบความเครียด ถ้าไม่ได้มาคุยเรื่องงานก็ไปซะ”
“ดื้อชะมัดเลย”
ถ้าเดินออกไปทางประตูอีกฝั่งหนึ่งของสถานีตำรวจ ก็จะพบกับระเบียงที่นำไปสู่ทางออกหลัก หากเดินทางนั้นก็อาจจะถูกฝนสาด แต่มันเป็นทางเดียวที่เขาจะหลบไปให้พ้นจากคนคนนี้
อาชินหันไปมองชางอีแล้วพยักหน้าให้ตามมา ตั้งแต่มาชางอียังไม่ได้กล่าวทักทายซองฮูเลย ได้แต่ยิ้มให้นิดๆ เท่านั้น เขาจึงหันไปเอ่ยกับซองฮูเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“สวัสดีครับ ผมจูชางอี เป็นผู้ช่วยคนใหม่ของคุณนักสืบครับ”
“ได้ยินมาว่าคุณยอนฮีแนะนำมา ไม่คิดว่าจะเป็นผู้ชายตัวยักษ์แบบนี้”
“คุณรู้ได้ยังไงครับว่ายอนฮีแนะนำผมมา”
“หมอนี่เล่าให้ฟัง”
ซองฮูชี้ไปที่อาชิน อาชินจึงยักไหล่พร้อมพูดปนรำคาญ
“ไอ้นี่มันเป็นพวกสตอล์กเกอร์”
“เกินไปแล้วน่า นี่ฉันเป็นรุ่นพี่นายนะ”
“อย่าไปหลงกล หมอนี่แหละสตอล์กเกอร์”
ซองฮูส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะยื่นเอกสารอีกฉบับให้อาชิน
“ส่วนนี้คือข้อมูลที่ฉันคัดแยกเอาไว้เพราะคิดว่านายน่าจะสนใจ”
“อ้อ หมดธุระแล้วใช่มั้ย”
“อะไรกัน พูดจาเย็นชาจังนะ”
“ไปซะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ขอคุยส่วนตัวแค่ห้านาที!”
“ไปให้พ้น เราไปกันเถอะชางอี”
“รยูอาชิน!”
“คุณนักสืบ ทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ”
แม้ซองฮูจะเป็นต้นเหตุของโรคเกลียดผู้ชาย แต่การพูดคุยของคนทั้งคู่ดูเหมือนคนสนิทที่หยอกล้อกันมากกว่าคนที่เกลียดกัน
อาชินหันมามองที่ชางอีเป็นการบอกว่าเขาอยากกลับเดี๋ยวนี้
“ผมจะไปซื้อร่มที่ร้านสะดวกซื้อหน้าสถานีตำรวจ พวกคุณคุยกันไปก่อนนะครับ”
“ไม่เป็นไร ผมตากฝนได้”
“คุณผู้ช่วยไปเถอะ เดี๋ยวผมดูแลหมอนี่อยู่ตรงนี้เอง”
“ครับ เดี๋ยวมานะครับ”
ชางอียิ้มก่อนจะยกเสื้อขึ้นคลุมหัวตัวเองแล้วรีบวิ่งออกไปจากสถานีตำรวจ ถ้าเกลียดมากจริงๆ อาชินก็ต้องตามออกมาแล้ว แต่อาชินก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น