แต่เดิมที่โรงหมอก็มีผู้ประสบภัยมากมายมารอรับการรักษาอยู่แล้ว แต่เพราะจู่ๆ เผยจื่ออวี๋เกิดพาคนไข้อาการหนักเข้ามา จึงทำให้มีงานยุ่งมากขึ้นกว่าเดิม
หญิงสาวคิดว่าแทนที่จะไปนั่งรออย่างเงียบๆ อยู่ในโรงหมอ มิสู้ไปช่วยพวกเด็กในโรงหมอบดและห่อยาดีกว่า ว่าแล้วนางก็คว้าเอาที่บดยามาช่วยทำงาน แต่สายตายังคงคอยมองไปที่ห้องรักษาเป็นระยะด้วยความหวังว่าจะได้ยินข่าวดีโดยเร็ว
ในที่สุดเด็กในโรงหมอคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องรักษา เขาส่งตะกร้าหวายให้เผยจื่ออวี๋ “แม่นางเผย นี่เป็นเสื้อผ้าของคุณชายท่านนั้นที่พวกเราถอดออกแล้ว อาจารย์ให้ข้านำมาให้ท่าน”
เผยจื่ออวี๋มุ่นหัวคิ้วมองดูเสื้อผ้าในตะกร้า เห็นว่าทั้งสกปรกและเหม็นโฉ่จนแทบจะรมคนตายได้ เพียงแต่นี่มันไม่ใช่เสื้อผ้าของนาง จะให้โยนทิ้งสุ่มสี่สุ่มห้าคงไม่ได้ หญิงสาวย่นจมูกก่อนตัดสินใจว่าในเมื่อจะช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ครั้งนี้นางจะยอมทำตัวเป็นคนดีมีน้ำใจช่วยอีกฝ่ายซักผ้าอีกอย่างหนึ่งด้วยก็ได้
เผยจื่ออวี๋จึงไปตักน้ำที่ข้างบ่อขึ้นมาถังหนึ่ง แต่ก่อนที่นางจะได้เอาเสื้อผ้าสกปรกลงไปซักในถังนั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีจดหมายกับถุงหอมที่ห่อด้วยกระดาษไขหล่นออกมาจากชุดพอดี
หญิงสาวเก็บของสองสิ่งนั้นขึ้นมาตบๆ ดูอย่างสงสัย นางหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนตัดสินใจว่าจะไม่เปิดเจ้าของสองสิ่งนี้ดู เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ของของนาง การจะเปิดของผู้อื่นขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะเช่นนั้นก็ออกจะเสียมารยาทเกินไป
นางเก็บของสองสิ่งไว้ในกระเป๋าของตนแล้วม้วนแขนเสื้อขึ้น ก่อนเริ่มต้นซักเสื้อผ้าให้ชายหนุ่ม
ตอนที่หวงฝู่จี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่ล่วงยามจื่อ* ไปแล้ว แม้จะยังรู้สึกมึนๆ งงๆ อยู่บ้างแต่เขาก็ยังพอจะจำเรื่องเมื่อตอนเช้าได้อยู่ และเมื่อนึกย้อนภาพในสมองทั้งหมดขึ้นมาอีกครั้ง ความคิดแรกที่แวบผ่านเข้ามาคือ…เขายังไม่ตาย
ชายหนุ่มฝืนเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองภายในห้องที่มืดสลัวเพราะมีตะเกียงน้ำมันเพียงดวงเดียว นัยน์ตาที่ค่อนข้างพร่าเลือนหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าที่ข้างเตียงมีแม่นางคนหนึ่งนอนฟุบอยู่
เขาเห็นหน้านางไม่ถนัดนัก นอกจากปิ่นที่ปักอยู่บนมวยผม จำได้ว่านางคือคนที่ช่วยเขา และรับปากว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อคอยให้เขาฟื้นขึ้นมาชมจันทร์ด้วยกัน ก่อนเขาจะหมดสติไป
ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นคนที่รักษาสัจจะแม้แต่กับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
หวงฝู่จี้พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นอกกว้าง
เขาออกแรงขยับนิ้วอย่างยากลำบากก่อนลองขยับขาดูจนแน่ใจว่าทั้งแขนและขายังมีความรู้สึกอยู่ เพียงแต่ยังไม่อาจโคจรลมปราณได้ ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาได้สูญเสียวรยุทธ์ไปแล้ว ซึ่งสาเหตุของการสูญเสียวรยุทธ์ของเขาก็น่าจะมาจากพิษหงอนกระเรียนแดง
ความจริงการนอนฟุบอยู่ที่ข้างเตียงก็ไม่สบายตัวอยู่แล้ว อีกทั้งบนหัวยังมีอะไรมายุกยิกๆ อีก เผยจื่ออวี๋เลยยกมือขึ้นคว้าไว้ตามสัญชาตญาณพร้อมกับบ่นงึมงำ “อย่ามายุ่งนะ เจ้ายุง ไปให้พ้น”
“ข้ามิใช่ยุง…”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเบาแสนเบา แต่หญิงสาวกลับได้ยินอย่างถนัดหูและตื่นเต็มตาทันใด ร่างบางลุกพรวดขึ้นมองดูหวงฝู่จี้ที่พยายามยกมุมปากยิ้มให้อย่างยากเย็น
* ยามจื่อ คือช่วงเวลา 23.00 น. ถึง 01.00 น.
Nichapha
กันยายน 19, 2017 at 2:36 PM
อยากอ่านต่อเมื่อไหร่หนังสือจะออกวางขายค่ะ
Jamsai Editor
ตุลาคม 6, 2017 at 11:36 AM
สามารถซื้อได้ค่ะ ที่งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ, ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อออนไลน์ที่ JamShop ค่ะ