“ท่าน…” เผยจื่ออวี๋มองดูชายหนุ่มด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
“ข้า…ทำไม…” หวงฝู่จี้โบกมือให้หญิงสาวอย่างอ่อนแรง แสดงให้เห็นว่าเขาได้สติกลับคืนมาแล้ว
“ท่านหมอจางบอกว่าประมาณพรุ่งนี้เช้าท่านถึงจะฟื้น” นางอุทานอย่างยินดี
“เจ้าอยู่ดูแลข้าที่นี่ตลอดเลยหรือ” เขาถามเสียงล้าปนหอบเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เผยจื่ออวี๋ส่งปาเจี่ยวให้กลับไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านแม่ฟังแล้ว และเนื่องจากธรรมเนียมของแคว้นต้าเยี่ยมิได้เข้มงวดกับสตรีมากนัก หญิงชาวบ้านทั่วไปสามารถออกนอกบ้านได้อย่างอิสระ สามารถทำการค้าอย่างถูกต้อง อีกทั้งการที่ชายหญิงวัยเดียวกันจะคบหากันก็มิใช่เรื่องที่จะถูกจ้องมองด้วยสายตาแปลกประหลาด หากยังไม่ถึงกับไม่มีขอบเขตอย่างหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน เพราะยังคงมีกฎระเบียบบางข้อที่ต้องยึดถืออยู่
ปาเจี่ยวเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ รู้ดีว่านางกับคุณชายหวงท่านนี้มิได้มีความรู้สึกฉันชู้สาวต่อกัน และรู้ด้วยว่าการที่คุณหนูรั้งอยู่ที่นี่ก็เพราะต้องการรักษาคำพูดของตนเท่านั้น จึงกลับไปอธิบายให้มารดาของนางทราบ โดยมิได้แต่งเติมเรื่องราวให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งสิ้น
“อืม…” เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนรับปากไปว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อ ‘ดูแลเขาตลอดทั้งคืน’ แล้ว หญิงสาวก็รู้สึกประดักประเดิดอยู่บ้าง “ข้ามิใช่รับปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านชมจันทร์หรอกหรือ ข้าก็ต้องอยู่ที่นี่สิ คืนนี้แสงจันทร์งามมากเสียด้วย”
อันที่จริงนางก็แค่เอาเก้าอี้มานั่งเท้าคางอยู่ที่ข้างเตียงของเขาเท่านั้น เพราะท่านหมอจางกำชับเอาไว้แล้วว่าจะต้องคอยจับตาดูแลเขาไว้อย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้เกิดอาการไข้ขึ้นมากลางดึก แต่เผยจื่ออวี๋ก็เห็นหวงฝู่จี้เอาแต่นอนนิ่งไม่ขยับ ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดอาการไข้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงเผลอฟุบหลับไปที่ข้างเตียงของชายหนุ่มนี่เอง
น่าขายหน้าเสียจริง คนดูแลคนป่วยกลับหลับสนิทยิ่งกว่าคนป่วยเสียอีก
“ข้าหมดสติไปนานเท่าไร” หวงฝู่จี้กลอกตาอย่างอ่อนแรง ตามองไปยังดวงจันทร์ที่ด้านนอกหน้าต่าง ขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าราวกับกระดาษทราย
“ราวสี่หรือห้าชั่วยาม* ได้ ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ท่านหมอจางบอกเอาไว้ว่าถ้าหากท่านเกิดได้สติขึ้นมากลางดึก ให้ดื่มยานี่ลงไปก่อนจะได้ช่วยขจัดพิษในตัวท่านได้เร็วขึ้น” จู่ๆ เผยจื่ออวี๋ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ นางจึงหมุนตัวไปยกยาที่อุ่นอยู่บนเตาใบเล็กมา
“ยาแก้พิษ?!” เป็นยาแก้พิษจริงหรือ
“อืม ท่านหมอจางบอกว่าท่านถูกพิษหงอนกระเรียนแดง ยานี้ถึงแม้จะขม แต่ก็สามารถขจัดพิษในร่างของท่านได้ ให้ท่านรีบดื่มทันทีที่ฟื้น” นางวางชามยาไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง “ท่านหมอจางบอกว่าท่านถูกพิษร้ายแรงมาก ซ้ำยังมีแผลถูกฟันมาอีก ถ้ามาถึงช้ากว่านี้ก็คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว”
หวงฝู่จี้แปลกใจมากว่าท่านหมอผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกพิษอะไรมา “ท่านหมอรู้ด้วยหรือว่าข้าถูกพิษอะไร!”
ว่ากันว่าพิษหงอนกระเรียนแดงไร้สีไร้กลิ่น คนทั่วไปไม่อาจสัมผัสรับรู้ได้จนกว่าพิษจะออกฤทธิ์แล้ว แต่นั่นก็เท่ากับว่าสายเกินการ และยิ่งไม่มีทางถอนพิษได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงมีผู้คนในยุทธภพมากมายพากันล้มตายเพราะพิษหงอนกระเรียนแดง หากท่านหมอที่ขูดกระดูกให้เขากลับรู้ได้ว่าเขาถูกพิษอะไร ซ้ำยังทำยาแก้พิษได้อีก นี่เป็นเรื่องที่ทำให้หวงฝู่จี้ตะลึงงันได้จริงๆ
* ชั่วยาม เป็นหน่วยนับเวลาของจีนในสมัยโบราณ เท่ากับ 2 ชั่วโมง
Nichapha
กันยายน 19, 2017 at 2:36 PM
อยากอ่านต่อเมื่อไหร่หนังสือจะออกวางขายค่ะ
Jamsai Editor
ตุลาคม 6, 2017 at 11:36 AM
สามารถซื้อได้ค่ะ ที่งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ, ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อออนไลน์ที่ JamShop ค่ะ