แต่เดิมนั้นเขาละทิ้งความหวังเรื่องจะฟื้นฟูวรยุทธ์ไปแล้ว นี่ถ้าหากท่านหมอจางสามารถรักษาเขาจนหายดีได้จริงๆ กลับไปที่วังได้เมื่อไร เขาจะต้องเชิญท่านหมอจางให้เข้าสำนักแพทย์หลวงเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้แน่นอน
ไม่สิ ผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตที่เขาน่าจะตอบแทนให้มากที่สุดคือเผยจื่ออวี๋ต่างหาก เพราะถ้าหากไม่ใช่นาง ป่านนี้เขาคงกำลังเดินทางไปยังน้ำพุเหลือง* อยู่
“นี่ ท่านคิดอะไรอยู่” ตอนเผยจื่ออวี๋มาถึงที่โรงหมอกลับไม่เห็นชายหนุ่มที่เตียงผู้ป่วย นางจึงไปถามกับเด็กในโรงหมอจนรู้ว่าเขาปลีกตัวหนีความวุ่นวายมาอาบแดดอยู่ที่เรือนด้านหลังนี้
เมื่อมีเงาคนมาบดบังแสงตะวัน หวงฝู่จี้ก็ลืมตาโพลงขึ้นมาเจอกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มแสนสดใสของเผยจื่ออวี๋เข้าพอดี เพราะเหตุใดแค่คิดถึงคนคนก็มาแล้ว ความรู้สึกประหลาดแล่นวาบขึ้นกลางใจ “แม่นางเผย ท่านมาได้อย่างไร”
เมื่อวานตอนที่เขาถาม นางบอกว่าวันนี้ต้องไปเป็นเพื่อนมารดาไหว้พระที่วัด คงไม่ได้เข้าเมืองและไม่ได้ไปที่แผงแจกโจ๊ก นั่นเท่ากับว่านางคงไม่ได้แวะมาที่โรงหมอด้วยเหมือนกัน แล้วเพราะอะไรจู่ๆ นางถึงมาที่นี่ได้เล่า
“เมื่อเช้านี้จู่ๆ ข้านึกขึ้นมาได้ว่ามีของที่ต้องมอบให้ท่าน พอไหว้พระกับท่านแม่เสร็จเลยแวะมา”
“ของอะไรหรือ”
“นี่ให้ท่าน” นางส่งห่อผ้าและกล่องขนมที่อยู่ในมือใส่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ส่วนตนเองก็ไปลากเอาเก้าอี้เตี้ยทำจากไม้ไผ่สานมานั่งลงที่ข้างตัวเขา
“นี่คือ…” เขามองดูห่อผ้าในอ้อมแขนด้วยความแปลกใจ
“ท่านคงใส่เสื้อผ้าของท่านหมอจางไปตลอดไม่ได้หรอก อีกทั้งเสื้อผ้าของท่านก็ขาดวิ่นหมดแล้ว ข้าเลยให้เถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าหาชุดที่ตัดเย็บเสร็จ กับซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูร้อนมาให้ท่านอีกหลายชุดไว้ให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน”
“ลำบากแม่นางแล้ว บุญคุณนี้ผู้น้อยจะไม่มีวันลืมเลือนแน่นอน” ยิ่งเห็นห่อผ้าที่อยู่ในมือ หวงฝู่จี้ก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจมากขึ้น
“ไม่เป็นไร เมื่อสิบสองปีก่อนข้าได้สาบานเอาไว้ว่าขอแค่มีชีวิตอยู่จะทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากให้มากที่สุด” นางใช้สองมือเท้าคางพลางเอ่ย “เพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องตอบแทนอะไรข้าหรอก”
“ท่านสาบานเอาไว้? เมื่อสิบสองปีก่อนท่านอายุเท่าไรกันถึงรู้เรื่องสาบานอะไรแบบนี้ได้” หวงฝู่จี้ถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร รู้ดีกว่าใครล่ะไม่ว่า”
“เอ๋? ท่านรู้อะไรหรือ ลองเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”
เผยจื่ออวี๋ไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ต้องปิดบังอะไรจึงเล่าเสียงใส “มารดาข้าเป็นอนุภรรยาคนที่สี่ของแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง ส่วนข้าร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก พออายุได้สี่ขวบ บิดาข้าได้รับพระบัญชาให้ไปออกรบ ฮูหยินเลยถือโอกาสไล่ท่านแม่กับข้าออกจากจวนแม่ทัพ ข้าจดจำได้ไม่เคยลืมเลยว่าวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก ท่านแม่ต้องแบกข้าเดินทางออกจากเมืองหลวง และฝนห่าใหญ่นั่นเกือบคร่าชีวิตข้าไปแล้วจริงๆ…แต่ท่านแม่ก็ยังแบกข้าเที่ยวไปเคาะประตูโรงหมอแห่งแล้วแห่งเล่าเพื่อขอให้ช่วยชีวิตข้า จนในที่สุดก็มีหมอใจดีคนหนึ่งช่วยชีวิตข้าเอาไว้…” ตอนนั้นเองที่จื่ออวี๋ได้ย้อนเวลากลับมาเข้าร่างของเด็กน้อยผู้นี้
* น้ำพุเหลือง (หวงเฉวียน) หมายถึงยมโลก
Nichapha
กันยายน 19, 2017 at 2:36 PM
อยากอ่านต่อเมื่อไหร่หนังสือจะออกวางขายค่ะ
Jamsai Editor
ตุลาคม 6, 2017 at 11:36 AM
สามารถซื้อได้ค่ะ ที่งานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ, ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อออนไลน์ที่ JamShop ค่ะ