“หรือเจ้าไม่รู้ว่าบิดาของเจ้าเผยเจิ้นเทียนเป็นแม่ทัพใหญ่ และเพราะมีเขาตรึงกำลังอยู่ที่ชายแดน ทำให้ข้าศึกไม่กล้าเข้ามารุกรานแคว้นต้าเยี่ยของเรา”
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า เขาเป็นคนสำคัญในสายตาของฮ่องเต้ เป็นเสาหลักของบ้านเมืองแล้วอย่างไร ในสายตาข้า เขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น แล้วคนแปลกหน้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่มย่ามกับเรื่องแต่งงานของข้า” นางแค่นเสียงเย็นด้วยท่าทางไม่ยี่หระ “อีกอย่าง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะลืมข้ากับท่านแม่ไปนานแล้วก็ได้ แล้วจะยังมีแก่ใจมาคิดถึงเรื่องแต่งงานของข้าได้อย่างไร”
“เจ้าออกจะโดดเด่นถึงเพียงนี้ เขาไม่มีทางลืมเจ้าได้หรอก” หวงฝู่จี้พยายามแก้ตัวแทนเผยเจิ้นเทียน
“เขาต้องลืมพวกเราไปนานแล้วแน่นอน บิดาข้ามีลูกเมียเยอะแยะถึงเพียงนั้น แค่ขาดข้ากับท่านแม่ไปสองคนจะนับว่าเป็นกระไรกัน” เผยจื่ออวี๋มองเขาเหมือนเป็นเรื่องขำขัน
“ใครต่อใครต่างก็รู้ว่าแม่ทัพเผยเป็นวีรบุรุษผู้รักชาติ ข้าได้ยินมาว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับความตายอยู่ในสนามรบก็ยังอุตส่าห์พาเพื่อนร่วมทัพกลับมาด้วยจนได้ แล้วเขาจะเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบถึงขนาดลืมลูกเมียได้อย่างไรกัน”
“จี้ซาน ท่านอย่ามาคิดเปลี่ยนภาพลักษณ์ความเป็นคนไร้ความรับผิดชอบของบิดาข้าเลย ข้ากับท่านแม่มาอยู่ที่นี่กันสิบสองปีแล้ว บิดาข้าเคยถูกเรียกตัวกลับเมืองหลวงถึงสามครั้ง และแต่ละครั้งก็อยู่ที่บ้านนานถึงสามเดือน แต่ทั้งสามครั้งนั้น มีครั้งไหนบ้างที่เขาคิดจะมาเยี่ยมข้ากับท่านแม่ ถึงจะบอกว่าเขามีงานยุ่งมากไม่อาจเดินทางไกลๆ มาหาเราด้วยตนเองได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะส่งคนสนิทมาดูมาแลกันบ้าง หรือไม่ก็มีจดหมายมาสักฉบับก็ยังดี แต่นี่ไม่มีเลย ไม่มีเลยสักครั้ง! แล้วท่านยังจะให้ข้าคิดเข้าข้างตนเองว่าเขายังไยดีข้ากับท่านแม่อยู่อีกหรือ ข้าทำไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดเลยว่าในใจเขายังมีข้ากับท่านแม่อยู่” หญิงสาวโค้งมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา และไม่คิดที่จะพูดจาอะไรอีก
คำพูดประโยคนี้ทำให้เขาไม่อาจค้านอะไรนางได้เลยจริงๆ ทว่านี่ก็เป็นเรื่องภายในสกุลเผยซึ่งตัวเขาที่เป็นคนนอกไม่อาจสอดมือเข้าไปได้
เผยจื่ออวี๋ขยับตัวลุกขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อตกลงกันได้แล้วข้าก็จะกลับล่ะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาท่านไปดูสถานศึกษา ดีหรือไม่”
“เอาสิ” เขาพยักหน้ารับ
เห็นท่าทีของหวงฝู่จี้ที่เปลี่ยนไปเป็นเครียดขรึมอย่างกะทันหัน เผยจื่ออวี๋ก็รู้ได้ว่าตนพูดมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นการบอกปัดความหวังดีของเขาอีกด้วย นางจึงอยากขอโทษ แต่จะให้ขอโทษเรื่องที่บิดานางเป็นบุรุษที่ไร้ความรับผิดชอบนั้นนางก็ทำไม่ลงจริงๆ
หางตาของหญิงสาวมีแววเจ็บปวดและท้อใจ นางมองดูชายหนุ่มแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ท่านทำงานต่อเถอะ”
สายตาคับแค้นใจที่เก็บซ่อนอยู่ในแววตาของเผยจื่ออวี๋ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของหวงฝู่จี้ ทำให้ชายหนุ่มบังเกิดความรู้สึกสงสารหญิงสาวอย่างยากจะระงับ และอยากที่จะขจัดปัดเป่าความทุกข์ใจใดๆ ให้กับนางด้วย…
จวบจนเงาร่างของเผยจื่ออวี๋หายลับออกนอกประตูไปแล้ว หลิงอีที่กลับมาถึงได้พักใหญ่ถึงได้ทิ้งตัวลงมาจากหลังคา
“นายท่าน เรื่องที่ท่านสั่งเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ” หลิงอีหยิบเอาจดหมายลับที่มีคราบฝุ่นออกมาจากแขนเสื้อ “นายท่าน นี่เป็นข่าวจากหลิงเอ้อ ขอท่านลองอ่านดู”
หวงฝู่จี้เปิดจดหมายออกอ่านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าไปบอกหลิงซานว่าให้ลงมือคืนนี้”
“ขอรับ”
หวงฝู่จี้มองบานประตูที่ปิดสนิทอีกครั้ง “หลิงอี ส่งข่าวกลับไปที่เมืองหลวง ให้คนตรวจสอบเรื่องอนุภรรยาสกุลเผยถูกไล่ออกจากจวนแม่ทัพด้วย”
นายท่านไม่เคยสอดมือไปยุ่งกับครอบครัวของผู้ใดมาก่อน แต่ครั้งนี้กลับให้คนตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ? หลิงอีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร นอกจากรับคำสั่ง “ขอรับ ข้าจะรีบส่งพิราบสื่อสารไปให้ทำการตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
โปรดติดตามตอนต่อไป…