บนผืนดินแห่งนี้แม้จะมีแสงอาทิตย์ที่หาได้ยากยิ่งสาดส่องลงมา แต่ทุกหนแห่งก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ล้วนผอมแห้งจนเห็นกระดูก ดูซึมเศร้าและน่าหดหู่
ตอนเขาควบม้าผ่านหมู่บ้านเกษตรกรรมที่ถูกทิ้งร้าง สถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิม บ้านเรือนกว่าครึ่งปิดประตูแน่นสนิท ส่วนอีกครึ่งบานประตูแค่ปิดไว้หลวมๆ นั่นแสดงว่าข้างในมีคนอยู่ ทว่าพอเปิดประตูเข้าไปส่วนใหญ่จะพบเจ้าของบ้านที่ตายไปแล้ว บนถนนที่เฉอะแฉะไปด้วยโคลนไม่เพียงปราศจากผู้คน แม้แต่หมาหรือแมวสักตัวยังไม่เห็น นกสักตัวก็ไม่มี ทั้งหมู่บ้านมีแต่ความสกปรก ชำรุดทรุดโทรม เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคลุ้งและกลิ่นอายแห่งความตาย
แต่ก่อนที่นี่ไม่เป็นแบบนี้ เขาจำได้ว่าที่นี่เคยคึกคักรุ่งเรือง มีตลาดนัดเดือนละสองครั้ง ผู้คนที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงจะมาชุมนุมแลกเปลี่ยนทำการค้ากัน แต่วันเวลาดีๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เขาควบม้าออกจากหมู่บ้านแห่งนั้นและขึ้นไปบนเนินเขาอีกครั้ง เข้าสู่ป่าอีกแห่งหนึ่ง
สัตว์พาหนะที่อยู่ใต้ร่างรู้ทางกลับบ้านเป็นอย่างดี มันวิ่งไปบนเส้นทางคดเคี้ยวเล็กๆ อย่างรวดเร็ว
ไม่นานมันก็วิ่งผ่านเส้นทางเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างภูเขามาถึงปลายทาง
สิ่งก่อสร้างสีเทาขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า กำแพงหินสีเทามีตะไคร่สีเขียวขึ้นเต็มเพราะปริมาณฝนจำนวนมาก ทำให้ดูอับชื้นและมืดสลัว
แม้จะมีแสงแดดที่หาได้ยากสาดส่องอยู่ก็ไม่ทำให้มันดูดีขึ้นแม้แต่น้อย อันที่จริงแสงสว่างที่ส่องลงมากลับยิ่งทำให้สภาพชำรุดทรุดโทรมนั้นชัดเจนกว่าเดิม
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกพลางเม้มปาก รวบเชือกบังเหียนและควบม้าเข้าไป
“นายท่าน! เป็นนายท่าน นายท่านกลับมาแล้ว!”
เนื่องจากเหนื่อยเกินไปนางจึงนอนนิ่งอยู่ในกระสอบป่าน ไม่พยายามต่อต้านอีก จนในที่สุดเขาก็หยุดม้า แทบจะในช่วงเวลาเดียวกันกับที่นางได้ยินเสียงคนและตื่นตัวทันที
“นายท่าน นั่นคืออะไร อาหารใช่หรือไม่ขอรับ”
“ไม่ใช่”
ถูกต้อง นางไม่ใช่อาหาร
วินาทีต่อมาเจ้าคนน่าโมโหก็ลากนางลงมาจากหลังม้าอย่างหยาบคายและแบกนางขึ้นบน…น่าจะบ่าของเขา
นางส่งเสียงฮึดฮัดและอดดิ้นไม่ได้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนสูดหายใจ
“โอ นายท่าน ท่านทำอะไร”
“สิ่งที่อยู่ในกระสอบคงไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในป่า…”
“โอ สวรรค์…”
“นายท่าน ท่านไป…”
“เป็นแม่มด…”
“นังปีศาจกินคนผู้นั้น…”
“พระเยซูคริสต์ พระแม่มารี โปรดคุ้มครองพวกเราด้วย…”
กลุ่มคนกระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นตระหนก เด็กบางคนร้องไห้จ้า