บทที่ 5
เคลไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะหลับไม่รู้เรื่องเช่นนี้
ตอนผู้ชายคนนั้นเขย่าตัวนางปลุกให้ตื่น เขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จังหวะที่นางยังตื่นไม่เต็มตา เขาก็เร่งให้นางสวมรองเท้ากับเสื้อผ้าเหมือนต้อนแกะ จากนั้นก็ลากนางไปที่ม้า กว่านางจะได้สติอีกครั้งเขาก็บรรทุกนางควบม้าออกจากปราสาทเสียแล้ว ม้าควบทะยานไปบนเส้นทางเล็กๆ ในชนบท หากนางคว้าเข็มขัดเขาไว้ไม่ทัน ป่านนี้คงร่วงตกจากม้า ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นแล้ว
เขาควบม้าอย่างรวดเร็วตลอดทาง เพื่อไม่ให้ตัวเองตกจากม้า นางจึงได้แต่กอดเอวเขาแน่นจากข้างหลัง พอได้สติอีกครั้งนางถึงพบว่าสถานการณ์รอบด้านย่ำแย่เพียงใด
สีเทา
ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าหม่นเทาและหนักอึ้ง
ท้องฟ้าเป็นสีเทา ใบหน้าของชายหนุ่มเป็นสีเทา แม้แต่ผืนดินเย็นเฉียบยังเป็นสีเทา กระทั่งต้นไม้ในป่าก็เป็นสีเทาหม่นไปหมด
เคลมองทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก
หากบอกว่าสถานการณ์ในปราสาทเรียกว่าแย่ สถานการณ์นอกปราสาทคงอธิบายได้ด้วยคำว่าอนาถเท่านั้น
ทุกหนแห่งที่พวกเขาควบม้าผ่านเปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
หมู่บ้านเกษตรกรรมที่ไร้ผู้คน ทุ่งข้าวสาลีที่ถูกทิ้งร้าง บ้านเรือนที่ชำรุดทรุดโทรม…
ไม่ว่าที่ใดล้วนเต็มไปด้วยความหดหู่ ราวกับทุกหมู่บ้านที่พวกเขาผ่านไม่มีชาวบ้านหลงเหลืออยู่เลย แม้บางครั้งจะเห็นคนบ้าง แต่ทาสติดที่ดินเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนผอมจนแก้มซูบตอบ ดวงตาเลื่อนลอยสิ้นหวัง
เขาควบม้าอยู่เกือบครึ่งวัน นางเหนื่อยจนแทบจะซบหลังเขาหลับไป แต่แล้วกลับรู้สึกว่าเขาหยุดกะทันหัน นางลืมตาและเหยียดตัวตรง เมื่อพบว่าเขาพยายามลงจากม้าจึงรีบปล่อยมือ
กว่าจะได้สติเขาก็ลงจากม้าและเดินไปแล้ว นางถึงได้เห็นว่ามีเด็กหนุ่มกับเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างบ้านชาวนา มือของเด็กหนุ่มถือพลั่ว ด้านข้างเป็นเนินดิน บนเนินดินมีไม้กางเขนปักอยู่เบี้ยวๆ
เด็กหนุ่มคนนั้นมองเขาอย่างแข็งกร้าว ส่วนเด็กหญิงหลบไปอยู่ข้างหลัง
ชายหนุ่มหยุดอยู่ในระยะห่างจากพวกเขาครึ่งฟุต ไม่รู้เขาพูดอะไรกับเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มเอาแต่เงียบ สุดท้ายก็ยื่นมือชี้ไปยังบ้านหลังเล็กข้างๆ ชายหนุ่มฟังแล้วปลดถุงผ้าใบเล็กที่เอวโยนให้อีกฝ่าย
เด็กหนุ่มไม่ได้รับถุงผ้านั้นไว้ทันที เขาเองก็ไม่ได้สนใจ แต่หันหลังเดินไปยังบ้านหลังเล็กและผลักประตูเข้าไป ไม่นานก็นำรถลากคันหนึ่งออกมา
ตอนเขาเข้ามาใกล้ นางพลิกตัวลงจากม้า การไม่ได้ขี่ม้านานทำให้นางรู้สึกปวดระบมจนแทบทนไม่ไหว แข้งขาอ่อนจนเกือบทรุดลงบนพื้น ต้องรีบคว้าอานม้าพยุงตัวเองไว้
ไม่กี่ชั่วอึดใจต่อมา ความรู้สึกเจ็บชาอ่อนแรงก็ดีขึ้นเล็กน้อย นางเดินเข้าไปช่วยเขานำรถลากไปคล้องกับสายหนังตรงหน้าอกม้า
ชายผู้นั้นมองนางปราดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากคล้องสายกับรถลากแล้วก็ช่วยพานางขึ้นม้า
ความจริงนางอยู่บนรถลากได้และเกือบจะโพล่งออกไปแบบนี้แล้ว ตอนนี้บนนั้นว่างเปล่า แต่เขาอุ้มนางขึ้นบนหลังม้าแล้ว นางจึงได้แต่ยื่นมือไปจับเอวเขาแต่โดยดี
เขาควบม้ามุ่งหน้าต่อไป นางหันกลับไปมองสองพี่น้องคู่นั้นอย่างอดไม่ได้ เด็กหนุ่มมองมาทางนี้อย่างระแวดระวัง ส่วนเด็กหญิงย่อตัวลงเก็บถุงผ้าที่หล่นอยู่บนพื้นแล้วเปิดออก