overgraY
The Star’s Love Relationship รักลับของซูเปอร์สตาร์ บทที่ 2 #นิยายวาย
บทที่ 2
คำสาปของพระเจ้าจอมปลอม
“เอาล่ะ ถึงแล้ว”
คงเพราะการถ่ายทำที่ยาวนานถึงสิบชั่วโมงทำให้ชินอ่อนล้าจนนั่งหลับมาตลอดทาง สิ้นเสียงของผู้จัดการชินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“ไม่ได้กลับบ้านหรอกเหรอ”
เขานึกว่าจะได้กลับบ้านอันเงียบสงบ ทว่ากลับเห็นแสงไฟระยิบระยับ เที่ยงคืนกว่าแล้ว ราตรีที่ควรสงบเงียบกลับสว่างไสวราวกับกลางวัน หญิงชายคู่หนึ่งกำลังยืนอิงแอบแนบชิดก่อนจะพากันเดินหายเข้าไปในซอย แค่มองผ่านๆ ก็รับรู้ได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานบันเทิง
ชินเหลือบไปเห็นคนหน้าคุ้นที่หน้าประตู
“พี่ หรือว่า…”
ใบหน้าของชินพลันซีดเผือด แม้ตารางงานจะแน่นมากจนได้นอนเพียงวันละไม่เกินสามชั่วโมง บางวันถึงกับต้องนอนเอาแรงในรถ จนสุขภาพย่ำแย่ ทรุดโทรม แต่เหตุผลที่เขาหน้าซีดในครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยเรื่องนั้น
“ขอโทษนะชิน ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวได้มั้ย”
ใบหน้าชินค่อยๆ ปรากฏความโกรธขึ้น ดวงตาที่อุตส่าห์ฝืนความอ่อนล้าพลันถลึงตาจ้องอีกฝ่าย หัวใจเต้นแรง ปลายนิ้วมือสั่นระริก ร่างกายที่จดจำความหวาดกลัวกำลังแสดงปฏิกิริยา ชินกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงอาการเครียดออกมา
“คราวที่แล้วพี่ก็บอกว่าเป็นครั้งสุดท้ายไม่ใช่เหรอ”
เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเหยียบสถานที่ที่ไม่ต้องการจะมาอีก
“ตั้งแต่นี้ไปพี่ไม่ใช่ผู้จัดการของผมอีกต่อไปแล้ว!”
ชินตะโกนเสียงดังแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ทันทีที่กระโดดลงจากรถ ร่างกายก็ปะทะกับความหนาวเหน็บ เนื้อตัวสั่นระริกด้วยความหนาวไม่ต่างไปจากภายในที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว หากแต่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะหยิบเสื้อโค้ตติดมือมาด้วย เพราะเขาต้องการไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ชิน รอก่อน ชิน”
ชินวิ่งเข้าไปในซอยแคบ ทิ้งเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาไว้ด้านหลัง แต่หลังจากวิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ ร่างของเขาก็ถูกมือของชายร่างโตสองสามคนลากกลับมา
“ปล่อย! บอกว่าให้ปล่อยไงเล่า”
แววตาที่โกรธแค้นของชินได้เปลี่ยนเป็นแววตาสิ้นหวัง มือขนาดใหญ่ปิดปากที่กำลังร้องตะโกนของชิน แล้วคนที่เหลือก็รีบเอาผ้าสีดำคลุมหัวของชินเพื่อไม่ให้ใครมาเห็น
“ชิน…”
ผู้จัดการที่ไม่รู้ว่าตนควรจะทำอย่างไรดีได้แต่เรียกชื่อชินเบาๆ
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วจนเยื่อแก้วหูแทบทะลุ ชินในสภาพที่มือถูกมัดและร่างเปลือยเปล่ากำลังเดินตามพวกมันไปท่ามกลางความมืดมิด พอขึ้นบันไดไปไม่กี่ขั้น ผ้าที่คลุมหัวอยู่ก็ถูกถอดออก ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้อง VVIP ชั้นสาม แม้ผ้าคลุมจะถูกดึงออก แต่ร่างของเขาก็ยังไม่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ พวกมันใช้เศษผ้าเล็กๆ ปิดตาของเขาอีกครั้ง ก่อนจะผลักร่างของเขาไปด้านหน้า แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
“ว้าว”
“อุ๊ยตาย”
เสียงอุทานของผู้หญิงหลายคนดังขึ้น เมื่อร่างของชินที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปรากฏตัวก่อนจะถูกจับไปนอนบนโต๊ะกลางห้อง
“นี่มันเหนือกว่าที่คาดเอาไว้อีกนะ”
“นึกว่าจะอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงเสียอีก ที่ไหนได้ดูกล้ามเนื้อมัดเล็กตรงนี้สิ”
“ท่าทางจะเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก”
เสียงเหล่านั้นกำลังวิจารณ์ร่างที่เปลือยเปล่าของชินอย่างสนุกสนาน
“ว่าแต่พวกเราทำอย่างนี้ได้เหรอ”
“…”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ห้องนี้ถูกสร้างให้เป็นห้องที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก แถมยังมีการป้องกันที่แน่นหนาเพื่อไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนการละเล่นอันลึกลับของพวกเธอได้
“ฉันมอบเงินมากมายให้แก่ท่านประธานลี หยุดกังวล แล้วมาสนุกกันดีกว่า”
“เหรอ งั้นมาสนุกกันเถอะ”
ชินรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงเหยียดหยาม บรรยากาศในห้องชวนให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก
“ปล่อย บอกให้ปล่อย”
ชินตะคอกใส่ผู้ชายที่จับขาทั้งสองของเขาเอาไว้
“นี่เธอดูสิ ตรงนี้น่ารักเหลือเกิน”
แต่พวกผู้หญิงก็ไม่ได้แยแสการดิ้นรนขัดขืนของชินเลย
แกร๊ก…
ชินหันหน้าไปตามเสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ขาของเขาพ้นพันธนาการจากมือของผู้ชายสองคนนั้นแล้ว เมื่อเหลือชินเพียงคนเดียว บทสนทนาของพวกเธอก็ยิ่งประเจิดประเจ้อขึ้นเรื่อยๆ
“อุ๊ยตาย ตรงนี้ยังเฉาอยู่เลย ที่นี่มีผู้หญิงอยู่ตั้งสี่คน ผู้ชายอย่างนายจะมาเฉาแบบนี้ได้ยังไง”
สิ้นเสียงเธอคนนั้นก็มีอะไรเย็นๆ สัมผัสที่กลางตัวของชินทันที
“อึก”
เสียงครางสั้นๆ ดังออกมาจากปากของชินที่ถูกปิดตา
มันคือน้ำแข็ง เพียงแค่น้ำแข็งเย็นเฉียบหนึ่งก้อนก็สามารถปลุกความเป็นชายของเขาขึ้นมาได้ พวกเธอพากันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของสิ่งนั้นที่กำลังตื่นจากการหลับใหล
“ใครจะเริ่มก่อนดี”
ร่างของชินสั่นระริกเมื่อความเป็นชายของตัวเองกำลังถูกปลายนิ้วของผู้หญิงแตะต้อง
“ไหนๆ ก็จะทำแล้ว ฉันอยากจ้องตาระหว่างทำด้วยน่ะ แกะที่ปิดตาออกได้มั้ย”
“อืม”
“ไม่ได้ ลืมกฎของที่นี่แล้วเหรอ ให้ชินเห็นหน้าพวกเราคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เอาเป็นว่าพอใจกันแค่ตรงนี้ก็พอนะ”
ความหนาวเหน็บและแสนจะเย็นชาบางอย่างกระทบความรู้สึกของเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงพูดนั้น
“อึก…อา”
ทันทีที่ความเป็นชายถูกส่งเข้าปากของผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงร้องทรมานพลันหลุดออกจากปาก ชินรับรู้ถึงใบหน้าหยามเหยียดของพวกเธอที่กำลังใช้ร่างเปลือยเปล่าของเขาเป็นของเล่น
ช่างน่าอัปยศเหลือเกิน
“อึก…”
พอเห็นอาการตอบสนองของชิน คนที่กำลังดื่มด่ำกับความเป็นชายของเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“เดี๋ยวจะช่วยทำให้มีความสุขมากกว่านี้ ไม่ต้องเกร็งนะ บางทีอาจเพราะยังเด็ก ขืนยังเกร็งอยู่แบบนี้จะไม่สนุกเอานะ”
หญิงคนเดิมค่อยๆ ลูบคลำต้นขาก่อนจะบิดเนื้อของชินเบาๆ แต่ชินกลับรู้สึกโกรธมากกว่าสุขสม กัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึม ร่างกายสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ สมองเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
‘พี่ฮะ เมื่อไหร่พี่จะมาหาพวกผมอีกเหรอฮะ’
เขานึกถึง ‘บ้านแห่งสันติสุข’ ที่เขา ฮยอน และน้องๆ อาศัยอยู่ ใบหน้าอันบริสุทธิ์และงดงามของเด็กๆ ปรากฏขึ้น
“อึก”
ใช่ ต้องทนให้ได้ ทนให้ได้เพื่อเด็กๆ ที่กำลังรอเขาอยู่…
“สุดยอด นี่คือความเมตตาของพระเจ้า”
มือผู้หญิงคนเดิมจับความเป็นชายที่แดงก่ำและขยายใหญ่อย่างเต็มที่เอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ พามันเข้าไปในช่องทางของตน แล้วเริ่มต้นขยับอย่างหนักหน่วงจนร่างของชินโยกไหว
ความเมตตาของพระเจ้างั้นเหรอ
“อึก”
คำสาปเสียมากกว่า คำสาปของพระเจ้าจอมปลอม
ชินถึงกับกลั้นเสียงร้องไม่อยู่เมื่อถูกกระตุ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
***
“ชิน โอเคมั้ย”
พอเสียงสวมใส่เสื้อผ้าของผู้หญิงพวกนั้นเงียบลงไปได้ห้านาที ผู้จัดการก็วิ่งเข้ามา เขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานมาก ขาทั้งสองไร้ความรู้สึกไปนานแล้ว สองมือของผู้จัดการช่วยแก้มัดแขนขาของเขา ก่อนจะปลดผ้าปิดตาออกให้
“อา…”
เมื่อดวงตาที่ถูกปิดอยู่นานกระทบกับแสงไฟ ความรู้สึกปวดก็จี๊ดขึ้นมา
สว่างขนาดนี้เชียวเหรอ สถานที่ที่นึกว่ามืดกลับสว่างถึงเพียงนี้ ความอดสูทำให้ใบหน้าของชินแดงก่ำ
“ขอโทษนะ ขอโทษ…”
ผู้จัดการช่วยใส่เสื้อผ้าให้ชินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยุงขึ้นมา
“กลับบ้าน”
“ได้ๆ กลับบ้านกันนะ”
เสียงสะอื้นของผู้จัดการทำให้ชินหันไปมอง เขาพยายามเพ่งสายตาที่พร่ามัวก่อนจะสังเกตเห็นรอยช้ำสีม่วงบริเวณรอบดวงตา
“ดูท่าพี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้สินะ”
ชินค่อยๆ ยกมือวางบนไหล่ของผู้จัดการอย่างยากเย็นแล้วลากสังขารของตัวเองขึ้นรถเพื่อไปจากสถานที่แห่งนี้ เมื่อหวนคืนสู่รถที่คุ้นเคยและประตูถูกปิดลง ในที่สุดก็ปลอดภัยเสียที น้ำตาไหลรินโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น เขารีบยกมือเช็ดทันที แล้วรถก็ถูกสตาร์ตก่อนจะเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
เอี๊ยด
แต่แล้วรถก็พลันหยุดชะงัก
“ล็อกประตูรถ!”
เสียงร้อนรนของผู้จัดการตะโกนขึ้น
“เกิดเรื่องอะ…”
ชินที่กำลังงุนงงหันไปมองผู้จัดการก่อนจะพยายามพยุงร่างของตัวเองขึ้น ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นผู้ชายสวมเสื้อกันฝนสีดำและสวมหมวกปิดบังใบหน้ากำลังยืนขวางหน้ารถ เขารู้สึกได้ว่าชายคนนั้นกำลังจ้องเขาอยู่ เมื่อเห็นอาวุธแหลมคมที่กำแน่นอยู่ในมือ ชินถึงได้รู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร
แม้ไม่รู้ถึงสาเหตุของการกระทำ แต่ชินเคยเห็นข่าวดาราที่ตายด้วยน้ำมือของเขาไปแล้วถึงสองคน
และจากคำให้การของผู้พบเห็น ทุกคนต่างเรียกฆาตกรว่าชายเสื้อกันฝน…
สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า มือถืออาวุธแหลมคม และยังใช้หมวกช่วยในการอำพราง ทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าได้ ชินจินตนาการได้ว่าอีกฝ่ายวิ่งเข้ามาเปิดประตูแล้วแทงอาวุธแหลมนั่นใส่เขา แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือในขณะที่เขากำลังจินตนาการถึงเหตุการณ์น่าหวาดเสียว แทนที่จะรู้สึกกลัวเขากลับรู้สึกโล่งอก
ชินรู้ว่าวินาทีนี้หากเขาเปิดประตูเพื่อให้ฆาตกรที่ยืนจ้องหน้าเข้ามาถึงตัวได้ เขาก็คงบ้าไปแล้ว และเขาก็รู้อีกด้วยว่าคงไม่มีใครเข้าใจเลย ถ้าเขาจะรู้สึกอยากระบายยิ้มออกมามากกว่าที่จะรู้สึกหวาดผวาเมื่อเห็นอีกฝ่ายพุ่งกระโจนเข้าหา
“จับให้ดีๆ นะ”
เสียงร้อนรนของผู้จัดการดังขึ้นพร้อมกับเสียงถอยรถ หากแต่วินาทีนั้นเองประตูรถกลับถูกเปิดออก ชั่ววินาทีที่มือซึ่งสวมถุงมือสีดำยื่นเข้ามา ชินก็หลับตาลง แรงมหาศาลที่กระชากเสื้อทำให้ร่างของชินร่วงลงจากรถ
ในที่สุดวินาทีนี้ก็มาถึง บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ลมหายใจของตัวเองที่เขาไม่กล้าทำลาย ถ้ามีใครสักคนมาช่วยกำจัดให้ อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
แต่เขายังมีห่วง เขายังไม่อาจทิ้งเด็กๆ พวกนั้นไปได้ ทว่าอีกใจก็กระซิบว่าหากเขาเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้จริงๆ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีก็ได้
“ชิน!”
เสียงตกใจของผู้จัดการดังเข้ามาในหู ชายในเสื้อกันฝนรีบปรี่เข้ามาหาชินที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น
ชีวิตเขาจะจบลงแค่นี้เหรอ
ก็คงเหมือนละครที่ต้องมีวันปิดกล้อง เมื่อละครเรื่องหนึ่งจบ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเสร็จสิ้น เมื่อบทบาทที่ได้รับมอบหมายจบก็จะได้รับบทใหม่อีกครั้ง พร้อมกับชีวิตใหม่ที่ต้องดำเนินต่อ หากแต่จุดหมายปลายทางชีวิตย่อมมีวันมาถึง
ชีวิตนี้คงถึงกาลอวสานแล้ว