overgraY
The Star’s Love Relationship รักลับของซูเปอร์สตาร์ บทที่ 2 #นิยายวาย
ชินฝืนร่างลุกขึ้นเพื่อรอจุดจบนั้น ร่างนี้ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะหนีแล้ว ไม่สิ เราไม่ต้องการหนีต่างหาก เขายิ้มแล้วรอให้อาวุธแหลมคมของอีกฝ่ายจู่โจมเข้ามา
“ชิน! ไม่ได้นะ!”
ผู้จัดการพุ่งเข้าหาชายในเสื้อกันฝน แต่หมอนั่นกลับเบี่ยงร่างหลบได้อย่างรวดเร็ว ผู้จัดการเสียสมดุลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งหลักได้ และทำท่าจะพุ่งใส่อีกครั้ง แต่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นอาวุธในมืออีกฝ่าย แล้วทันใดนั้นเองอะไรบางอย่างก็เข้ามาขวางหน้า
“คุณ…”
ชินเบิกตากว้างมองบุรุษผู้สวมหน้ากากและชุดสีดำ มือใหญ่ของเขาคว้าต้นคอของชายในเสื้อกันฝนไว้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วโยนไปกระแทกกำแพงของลานจอดรถอย่างแรง
โครม
เสียงโครมครามดังขึ้นทันทีที่ร่างของชายเสื้อกันฝนกระแทกกำแพง
ทั้งที่มีขนาดร่างกายพอๆ กันแต่เขาคนนี้กลับสามารถโยนร่างของอีกฝ่ายได้ด้วยมือเดียวเท่านั้น ช่างเป็นคนที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลเหลือเกิน
ชายที่ถูกโยนใส่กำแพงยกมือลูบหัวของตัวเองพลางส่งเสียงคราง แต่ไม่นานนักก็รีบตั้งสติหยิบอาวุธที่ตกอยู่กับพื้นแล้วลุกขึ้นอย่างว่องไว ระหว่างนั้นเสียงไซเรนดังก้องมาแต่ไกล
“ตำรวจมาแล้ว”
ผู้จัดการตะโกนเสียงดัง ขณะนั้นเองที่ดวงตาของพวกเขาทั้งคู่ก็เบนมาสบกับดวงตาของชินในชั่วเสี้ยววินาที ดวงตาคู่หนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้หมวกมีแววเย็นเยียบ อีกคู่หนึ่งเป็นดวงตาของชายผู้สวมหน้ากากสีดำปกปิดใบหน้า
“ทางนี้ครับ ทางนี้”
พอเห็นรถตำรวจคันหนึ่งแล่นใกล้เข้ามา ผู้จัดการก็รีบโบกไม้โบกมือ เมื่อชินหันกลับไปมองอีกครั้ง เงาของชายทั้งสองก็หายไปเสียแล้ว
***
‘อุ๊ย ดูเหมือนว่าชินของเรากำลังร้องไห้นะ’
‘ร้องไห้ จริงเหรอ’
‘โอ๊ย น่ารักสุดๆ ไปเลย’
ชินบิดตัวพลางส่ายหน้าไปมาบนที่นอนชื้นเหงื่อ ขนาดในฝันเขายังรู้สึกได้ถึงนิ้วมือของพวกเธอที่ลวนลามเขา เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างเพลิดเพลินขณะสัมผัสร่างของเขา คงเป็นฤทธิ์ยาที่ถูกผู้ชายพวกนั้นกรอกปากก่อนจับชินไปหาพวกเธอ ร่างกายของเขาจึงยังคงร้อนรุ่มราวกับถูกเปลวเพลิงแผดเผา
‘หยุด!’
“ได้โปรด…หยุดเดี๋ยวนี้”
ชินแผดร้องเสียงดัง น้ำตารินไหลออกมาจากเปลือกตาที่กำลังปิดสนิท ชินค่อยๆ ฝืนลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก พร้อมกับยกมือขึ้นบังแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา
เมื่อเห็นห้องที่คุ้นเคยชินก็รู้ว่าตัวเองตื่นจากฝันร้ายอันแสนเจ็บปวดแล้ว คิ้วที่ขมวดแน่นบนใบหน้าอันรวดร้าวค่อยๆ คลายออก ลมหายใจหอบกระชั้น
แต่ฝันร้ายครั้งใหม่พร้อมที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ปลายนิ้วและสัมผัสของผู้หญิงที่มองไม่เห็นใบหน้าพวกนั้นคล้ายกับว่ายังวนเวียนอยู่บนร่างกายสร้างความทรมานจนแทบอยากหยุดลมหายใจ แม้ตอนนี้จะลืมตาตื่นแล้วแต่สติยังคงงุนงงสับสน ยากจะแยกได้ว่าอะไรคือความฝันและอะไรคือความจริง
ชินสะบัดผ้าห่มผืนบางที่คลุมร่างออกก่อนจะลุกขึ้นแล้วหย่อนเท้าลงจากเตียง แต่เขารู้สึกหน้ามืด สองขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
อา…
เหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาผุดขึ้นในสมองของเขาอย่างชัดเจน ร่างนี้ถูกสังเวยเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ให้แก่ผู้หญิงพวกนั้นหลายต่อหลายครั้ง กลิ่นและสัมผัสจากปลายนิ้วของพวกเธอที่แตะต้องผิวเนื้อของเขาช่างน่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน ชินยกมือทั้งสองกุมศีรษะ
อยากให้เป็นเพียงแค่ความฝัน…
“ชิน!”
ผู้จัดการเปิดประตูห้องแล้ววิ่งมาหาชินที่ทรุดนั่งอยู่กับพื้น เมื่อคืนพอกลับมาถึงบ้านปุ๊บชินก็นอนหลับราวกับหมดสติ
“ยังเจ็บอยู่เหรอ”
ชินจ้องใบหน้าของผู้จัดการก่อนจะค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบใบหน้านั้น
“ทำไมหน้าเป็นแบบนี้ล่ะ”
รอยช้ำที่ปรากฏอยู่บริเวณรอบดวงตาของผู้จัดการเด่นชัดยิ่งกว่าเมื่อคืนนี้
“ฉันน่ะเหรอ…”
“ใบหน้าของผู้จัดการท็อปสตาร์กลายเป็นแบบนี้ แสดงว่าท่านประธานลีคงโกรธมากแน่ๆ”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำใดกลับมา ชินจึงเอ่ยถามต่อ
“ทำไมไม่บอกผม”
“…”
“หลังจากถ่ายทำเสร็จ เรามีเวลาเหลือเฟือพอที่จะหนีไม่ใช่เหรอ”
“เพราะจองฮวัน…ขอโทษนะชิน ทั้งๆ ที่ฉันบอกแล้วว่าจะไปแทนนายเอง ถ้าฉันทำได้ล่ะก็ ถ้าพวกเธอเหล่านั้นต้องการ ฉัน…ฉันคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ นะ แต่…”
“เพราะจองฮวันอีกแล้วเหรอ”
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิน
“พี่เอาแต่พูดถึงจองฮวันและให้ผมเป็นฝ่ายเสียสละ แล้วผมล่ะ ผมก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกันนะ”
ชินยกมือข้างหนึ่งค้ำเตียง ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ บทสนทนาแบบนี้ก็จะย้อนกลับมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบอยากจะอาเจียน
“ลุกขึ้นได้มั้ย”
มือของผู้จัดการสอดเข้ามาใต้รักแร้ของชิน
“ปล่อย แค่นี้ผมทำเองได้”
ชินปัดมือของผู้จัดการออก
“ถ้าเพลียมากก็พักสักวันมั้ย”
“พี่มีความสามารถมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
แววตาของชินยังคงเย็นชาเช่นเดิม
“หากขอร้องท่านประธานลี…”
“หยุดเถอะ” ชินตะโกน ความแค้นพลุ่งพล่านภายในอกทันทีที่ได้ยินชื่อของประธานลี “อย่ามาทำเป็นอวดดีต่อหน้าผม”
“…”
แล้วชินก็พยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็นพลางหันไปถาม “วันนี้ตารางงานของผมมีอะไรบ้าง”
“เอ่อ…” ผู้จัดการมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย “จำคฤหาสน์ที่เคยพูดคราวที่แล้วได้มั้ย วันนี้…จะมีถ่ายฉากเลิฟซีนที่นั่น”
ผู้จัดการค่อยๆ เอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง เพราะตอนแรกที่เริ่มถ่ายทำไม่ได้มีการพูดถึงฉากเลิฟซีน และหากรู้ว่ามีฉากนี้อยู่ในละคร ชินคงปฏิเสธหัวชนฝา ไม่ยอมรับแสดงเป็นแน่ แม้ประธานลีจะกุมอำนาจทั้งหมดไว้แต่ชินก็ยังมีสิทธิ์ในการเลือกรับงานที่ตนจะแสดงได้อย่างอิสระ หลายครั้งที่พอเริ่มแสดงไปแล้วก็มักจะมีฉากเลิฟซีนที่ไม่มีในข้อตกลงโผล่เพิ่มขึ้นมา
ถึงแม้ชินกับนักแสดงหญิงคนนั้นจะต่อต้านเพียงใด แต่ด้วยความที่ผู้ชมทางบ้านต้องการดูฉากแบบนี้มาก ทีมงานละครจึงติดต่อไปยังประธานในสังกัดของคนทั้งคู่เพื่อให้เพิ่มฉากนี้ขึ้นมาจนได้ เมื่อประธานตกลง ความคิดเห็นของทั้งสองนักแสดงจึงไม่ถือว่ามีความสำคัญอันใดอีก
“ร่างกายของนายตอนนี้คงไม่ไหวนะ หรือว่านายทำได้”
ผู้กำกับได้ทำการเสาะหาคฤหาสน์อันงดงามที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเพื่อการถ่ายทำฉากนี้โดยเฉพาะ เขาพยายามติดต่อเจ้าของบ้านหลายครั้งหลายคราเพื่อโน้มน้าวให้เขายอมอนุญาตถ่ายทำ แต่ถึงกระนั้นเจ้าของบ้านก็ให้ยืมสถานที่เพียงแค่หกชั่วโมงเท่านั้น แต่ฉากที่ต้องถ่ายมีตั้งสามซีน ดังนั้นการถ่ายทำในวันนี้จะไม่มีเวลาให้พักแม้แต่นิดเดียว
แม้การถ่ายทำจะสำคัญขนาดไหน แต่ร่างกายของชินอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง
“ถ่ายเถอะ” ชินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
“ชิน”
ชินนั่งหมิ่นเหม่อยู่ปลายเตียง ใบหน้าซีดเผือด ช่วงขาเรียวช่างดูไร้เรี่ยวแรง
“ถ่ายให้มันจบๆ ไป”
ชินเอ่ยก่อนจะพยุงร่างตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
***
“ถึงแล้วเหรอ”
ฮเยรีนักแสดงสาวหันไปถามผู้จัดการพลางมองลอดประตูห้องพักที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้
“รถตู้สีขาวใช่มั้ย ดูหรูหราอลังการเนอะ ตอนนี้คงกำลังจอดอยู่ อีกเดี๋ยวก็เดินมา”
“เหรอๆ”
ผู้จัดการมองฮเยรีที่กำลังยกสองมือขึ้นกุมแก้มที่แดงก่ำ
“ฮเยรี เธออย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่การแสดงนะ อย่าคิดจริงจังเชียว”
ฮเยรีทำปากยื่นเมื่อได้ยินคำนั้นของผู้จัดการ ก่อนจะหันไปมองกระจกแล้วลุกขึ้น เพียงแค่รู้ว่าชินมาถึงแล้ว หัวใจก็เต้นโครมคราม ใบหน้าแดงก่ำราวถูกย้อมสี
คังฮเยรีคือนักแสดงสาววัยยี่สิบห้าที่ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของวงการ แต่กระนั้นเธอก็ยังเป็นแฟนคลับของชิน นั่นเป็นเพราะเขาคือเจ้าชายในฝันของสาวๆ ใบหน้างดงามราวกับถูกแกะสลัก ผิวขาวไร้ที่ติ แม้ร่างจะดูผอมบาง แต่พอได้อยู่ใกล้ๆ ก็จะเห็นกล้ามเล็กๆ อย่างคนออกกำลังกาย ทั้งหมดที่ประกอบเป็นตัวเขาช่างงดงามราวกับประติมากรรมที่สวรรค์สร้าง แล้วไหนจะดวงตาที่สามารถทำให้หิมะละลายเพียงแค่ชำเลืองมอง และน้ำเสียงของเขาที่…
“กรี๊ด”
ฮเยรีกรีดร้องเบาๆ ไม่มีใครที่ไม่ตกหลุมรักเขา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้หญิงคนใดได้รับความสนใจจากเขาเลย นอกจากนี้หลังเสร็จจากการถ่ายทำก็ไม่มีใครหาตัวชินเจอ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน…เขาจะปรากฏตัวก็แค่สถานที่ถ่ายทำเท่านั้น
เรื่องราวของชินจึงได้อยู่ในบทสนทนาของเหล่านักแสดงสาวอยู่เสมอ
นักแสดงหนุ่มผู้ชอบทำตัวลึกลับ
“คุณคังฮเยรีครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ขอเชิญได้เลยนะครับ”
เมื่อเสียงของทีมงานที่ยืนอยู่นอกห้องรับรองดังขึ้น มือของสไตลิสต์ก็ขยับกันให้วุ่น
วันนี้เธอมีฉากเลิฟซีนกับชิน ดังนั้นก่อนจะมาถึงที่นี่เธอได้อาบน้ำฉีดน้ำหอม แล้วก็อาบใหม่ฉีดน้ำหอมใหม่ถึงสามรอบด้วยความไม่มั่นใจและตื่นเต้น
ในที่สุดก็ถึงวันที่รอคอย สมกับที่เธอต่อสู้ฟาดฟันจนถึงขั้นลงมือขู่คังฮเยอินผู้เป็นทั้งผู้จัดการและพี่สาวของตน
“เบดซีน…”
ริมฝีปากสีแดงของเธอพลันแห้งผาก
***
“ออกไปให้หมด!”
“ประธานลี”
ผู้จัดการลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นประธานลีเตะประตูห้องรับรองนักแสดงเข้ามา ขณะที่มือของสไตลิสต์เพิ่งเกลี่ยครีมรองพื้นลงบนใบหน้าของชิน
“ไม่ได้ยินที่บอกให้ออกไปรึไง”
ปลายนิ้วของสไตลิสต์ชะงัก จวนจะถึงเวลาถ่ายแล้ว แถมเวลาของสถานที่ถ่ายทำก็มีจำกัด สไตลิสต์จึงได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเก็บรองพื้นลงกระเป๋าแล้วรีบเดินออกไปนอกห้องรับรอง
“นายก็ด้วย”
ประธานลีหันไปสั่งผู้จัดการ
“อีกเดี๋ยวก็จะถึงคิวถ่ายแล้วครับ ถ้ามีเรื่องจะพูด…”
“อย่ามาอวดดี”
นัยน์ตาสีดำเข้มเพ่งมอง แต่ผู้จัดการกลับไม่หลบสายตา
“ตอนนี้ร่างกายของชินไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนี้ได้โปรดปล่อยชินไปเถอะครับ”
คำพูดของผู้จัดการทำให้ประธานลีระเบิดเสียงหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงเต็มแรง แต่กลับชะงักหยุดอยู่เหนือกกหูของอีกฝ่ายเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตร แล้วมือนั้นก็เปลี่ยนเป็นตบเบาๆ สองสามครั้งที่แก้มของผู้จัดการ
“อยากลองดีรึไง อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ออกไป!”
“แต่ว่า…”
“ออกไปก่อนเถอะพี่”
ชินไม่อาจทนดูได้อีกต่อไปจึงเอ่ยแทรกขึ้นระหว่างคนทั้งคู่
“ชิน!”
“ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดกับผมเถอะครับ อย่าทำอะไรพี่เขาเลย พี่ออกไปเถอะ”
ชินยิ้มเล็กน้อยเพื่อให้ผู้จัดการคลายความกังวล ทันทีที่ผู้จัดการเดินออกไปแล้วปิดประตูลง ชินก็หันไปมองประธานลีด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“ดูเหมือนนายพอจะรู้ว่าตัวเองทำผิดอยู่สินะ”
ประธานลีมองชินก่อนจะเอ่ยออกมา
“ขอโทษที่มาถ่ายทำช้า แต่ผมมีเหตุ…”
“เมื่อทำผิดก็ต้องถูกทำโทษไม่ใช่เหรอ”