overgraY
The Star’s Love Relationship รักลับของซูเปอร์สตาร์ บทที่ 3 #นิยายวาย
เอี๊ยด
ชินรีบกระโดดลงไปทันทีที่รถหยุด แต่ไม่เห็นร่างของเขาแล้ว กระโดดลงไปทั้งๆ ที่รถยังวิ่งอยู่แท้ๆ…ชินหันมองรอบๆ ด้วยความกังวล
‘อย่าตาย จงมีชีวิตอยู่’
คำพูดนั้นของเขาบอกให้ชินมีชีวิตอยู่ต่อไปขณะอยู่ภายในตึกที่มีเปลวเพลิงลุกโชน
‘ทำไมคุณพูดอย่างนั้นนะ’
จงมีชีวิตอยู่
ทำไมถึงพูดอย่างนั้นกับผม…
ชินพึมพำเบาๆ และยังไม่หยุดมองไปรอบๆ
‘คุณ…เป็นใครกัน’
***
“แค่กๆ”
ยังไม่ทันได้บ้วนของเหลวที่ทะลักเต็มปากทิ้ง คางของชินก็ถูกประธานลีจับเงยขึ้น น้ำตาคลอปริ่มอยู่ในดวงตาที่แดงก่ำของเขา
“เก่งมาก”
ประธานลีมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมานของชิน
“คงต้องแต่งหน้าใหม่”
ประธานลีนิ่วหน้าก่อนจะใส่กางเกงให้เรียบร้อย จากนั้นก็หันไปมองชินที่นั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น แล้วเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง
***
“คังฮเยรี เธอควบคุมสีหน้าหน่อยไม่ได้รึไง”
ผู้จัดการของฮเยรีกล่าวขึ้น ทุกคนที่ได้ยินฮเยรีกล่าวทักทายด้วยโทนเสียงสูงกว่าปกติต่างก็พากันหัวเราะ เนื่องจากครั้งนี้เป็นการแสดงบทเลิฟซีนเป็นครั้งแรกของเธอ ในสถานที่ถ่ายทำจึงเหลือไว้แค่ทีมงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น นอกนั้นให้รออยู่ด้านนอกตึก
หญิงสาวผมเปียกชื้นนุ่งเพียงชุดคลุมกระโดดขึ้นเตียงเตรียมพร้อม
“ซ้อมแค่รอบสองรอบแล้วถ่ายทำกันเลยนะ เราไม่มีเวลามาก เตรียมตัวให้พร้อมนะทุกคน!”
เสียงผู้กำกับตะโกน
“ชิน!”
เมื่อเห็นชินเดินอยู่ด้านหลังของผู้กำกับ ฮเยรีก็รีบโบกมือให้ ดวงตากลมโตของหญิงสาวผู้มีใบหน้าประดุจดั่งตุ๊กตากำลังไล่ตามการเคลื่อนไหวของชินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“ชินเขาอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาไม่ชอบผู้หญิงอายุมากกว่าหรอกนะ”
ฮเยอินผู้ที่เป็นทั้งผู้จัดการและพี่สาวกระซิบข้างหูฮเยรี เธอไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นพฤติกรรมระริกระรี้ของน้องสาวที่อยากจะแสดงบทเลิฟซีนอย่างออกนอกหน้าขนาดนี้
ชินก้มหัวทักทายเบาๆ ฮเยรียังคงโบกไม้โบกมือไม่หยุด
“เฮ้ย ทักทายอะไรขนาดนั้น เห็นกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน”
ใบหน้าของฮเยรีแดงก่ำทันทีที่เห็นเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวซึ่งบางจนแทบเห็นผิวเนื้อด้านใน เธอรู้สึกยินดีที่จะได้แนบชิดกับชินจากการถ่ายทำในวันนี้ แค่จินตนาการว่าชินผู้มีสีหน้าเรียบเฉยอยู่เสมอกำลังยื่นมือมาหาและกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หัวใจของเธอก็แทบระเบิด
แล้วการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น หญิงสาวเดินเข้ามาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ยวนยั่วชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
“รอฉันอยู่เหรอคะ”
ชายหนุ่มวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง กดปิดสวิตช์ไฟที่ให้ความสว่างทั่วห้องลงแล้วเปิดสวิตช์ไฟเล็กๆ บนโต๊ะข้างเตียงแทน แสงไฟสลัวยิ่งสร้างบรรยากาศที่เร้าอารมณ์
หญิงสาวที่เส้นผมยังไม่แห้งดีนักนั่งอย่างหมิ่นเหม่อยู่ปลายเตียง
“มานี่สิ”
ชายหนุ่มยื่นมือไปหา หญิงสาวคล้ายกับรอเวลานี้อยู่ แล้วเธอขยับไปให้เขากอดแล้วเอนตัวลงนอนบนเตียง ชายหนุ่มขยับร่างตามขึ้นไปทาบทับร่างของหญิงสาวเอาไว้ ผิวกายเปลือยเปล่าที่ซ่อนอยู่พลันปรากฏเมื่อชุดคลุมคลายออก ความเงียบเข้าปกคลุม ทีมงานต่างพากันจ้องทั้งคู่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ชายหนุ่มโยนชุดคลุมทิ้งไปข้างเตียงพลางจ้องมองหญิงสาวเขม็ง ในระหว่างนั้นสองมือของหญิงสาวก็ค่อยๆ เลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขา ทันใดนั้นเองแววตาของเขาก็พลันวูบไหว
“คัต! เฮ้!”
เสียงตะโกนของผู้กำกับทำลายความเงียบที่ปกคลุมเมื่อครู่ ทีมงานที่กำลังกลั้นหายใจต่างพากันถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คังฮเยรี เธอหน้าแดงตั้งแต่ตอนนี้ได้ยังไงกัน”
ผู้กำกับที่เอาแต่จ้องหน้าจอมอนิเตอร์ผุดลุกขึ้นแล้วตะโกนใส่ฮเยรี
“คะ ฉันทำอะไรผิดเหรอ”
ทีมงานต่างแอบหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นใบหน้าของฮเยรีแดงก่ำไม่ผิดไปจากคำพูดของผู้กำกับเลย
“เอ่อ คุณคังฮเยรี ช่วย…”
ชินชี้ไปที่มือของฮเยรี พอหญิงสาวก้มลงไปเห็นมือของตัวเองกำลังกำเสื้อเชิ้ตของชินแน่น ฮเยรีก็รีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว
“คราวนี้ตั้งใจหน่อยล่ะ เข้าใจมั้ย”
ผู้กำกับให้สัญญาณอีกครั้ง ทั้งคู่สมกับที่เป็นท็อปสตาร์ พอถึงเวลาถ่ายทำ ประกายตาของทั้งสองก็พลันเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที
ความร้อนตลบอบอวลไปทั่วห้องแคบ ทั้งคู่ล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วจ้องหน้ากันและกัน
อา…
ริมฝีปากของชายหนุ่มสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนไหปลาร้าของหญิงสาว เมื่อมือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนผ่านแขนของเธอ ไล่ไปจนถึงต้นขา เธอก็ค่อยๆ ขยับสะโพกขึ้นพลางส่งเสียงครางเบาๆ ประกายตาของทั้งคู่ที่จ้องมองกันและกันเริ่มเร่าร้อน มือของเธอขยับขึ้นไปคล้องรอบคอของเขา
วินาทีที่ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันยิ่งขึ้น กล้องก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วโคลสอัพใบหน้าของชายหนุ่ม ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของเขา
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของชายหนุ่มที่เริ่มหายใจถี่กระชั้น หญิงสาวสับสนเล็กน้อยเมื่อเม็ดเหงื่อเหล่านั้นหยดลงมาบนแก้มของเธอ ใบหน้าซีดเผือดของเขาทำให้เธอรู้สึกแปลกใจจนค่อยๆ เลื่อนมือข้างหนึ่งมาลูบแผ่นหลังของเขาเบาๆ
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปหรอก”
ชินชะงักวูบเมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่ไม่มีในบท ฮเยรีสังเกตเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกมองกลับมา ที่จริงก็มีบ้างที่ตื่นเต้นจนลืมบทหรือมือไม้แข็งเมื่อต้องมาเปลือยกายแสดงต่อหน้าทีมงานแบบนี้ แต่วันนี้ชินดูแปลกกว่าที่เคย สีหน้าตื่นกลัวและหยาดเหงื่อมากมายบนร่างของเขาไม่น่าเกิดจากความตื่นเต้นจากการแสดงบทเลิฟซีน เธอคิดว่าตัวเองมองเห็นแววตาอันเจ็บปวดทรมานในดวงตาของเขา
“วะ…วันนี้…คะ…คง…ไม่จบแค่ระ…รอบเดียวเหมือนเมื่อวาน”
เสียงของชินสั่นมากขณะกำลังแสดงบทบาทของคนรัก แต่นี่ไม่ใช่การมีเซ็กซ์กันเป็นครั้งแรกของคู่รักในละครเรื่องนี้ พวกเขาแนบชิดกันมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นเสียงของชินจึงไม่ควรจะสั่นถึงขนาดนี้…
ไม่เพียงแค่เสียง ร่างกายก็กำลังสั่น สองมือไหวระริก และใบหน้าก็ซีดเผือดราวกับจะเป็นลมล้มลงไปได้ทุกวินาที
“ฉันจะรอดูนะคะ”
หญิงสาวพูดพลางใช้มือข้างหนึ่งกดต้นคอของชายหนุ่มลงมาจูบ ทันใดนั้นเองร่างของเขาก็พลันยวบลง ไร้เรี่ยวแรงเมื่อริมฝีปากนุ่มนิ่มสัมผัสกัน
“คัต!”
ผู้กำกับตะโกนสั่ง ขณะที่ทีมงานเริ่มส่งเสียงเมื่อเห็นชินล้มลงบนร่างของฮเยรี
“ชิน!”
ผู้จัดการรีบวิ่งมาทันทีที่เห็นชินล้มลง แล้วทั้งกองถ่ายก็เข้าสู่ความโกลาหลเมื่อชินเป็นลม ใบหน้าของชินซีดเผือด ลมหายใจแผ่วเบาคล้ายจะสิ้นลม ร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ทำไมชินเป็นแบบนี้ล่ะ”
“รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว”
หนึ่งในทีมงานรีบหยิบมือถือขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของผู้กำกับ ปกติรถพยาบาลจะจอดรอเตรียมพร้อมอยู่เสมอหากแต่วันนี้กลับไม่มี เนื่องจากมีเพียงฉากเลิฟซีนในพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีบทแอ็กชั่นอันตรายใดๆ
แล้วทำไมจะต้องเกิดเหตุวันนี้ด้วยนะ
“หลบหน่อย”
ผู้จัดการรีบถอดเสื้อแจ็กเก็ตคลุมร่างเปลือยเปล่าของชินที่เป็นลมหมดสติและนอนคว่ำหน้าอยู่กับเตียง แล้วค่อยๆ พยุงร่างของชินขึ้น
“ทำไมเขากลายเป็นอย่างนี้คะ”
ฮเยรีเอ่ยถามเสียงสั่นพลางมองร่างของชินที่ยังคงสั่นเทาแม้จะหมดสติไปแล้ว หญิงสาวนึกว่าหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นเสียแล้วตอนที่ร่างของเขาล้มพับลงบนตัวเธอ วินาทีนั้นเธอมองเห็นความหวาดผวาอยู่ภายในแววตาของเขา
สลบขณะแสดงบทเลิฟซีน
ถ้ารู้ไปถึงนักข่าวได้เป็นพาดหัวข่าวใหญ่แน่ ฮเยรีรีบหยิบเสื้อคลุมที่ถอดออกมาสวมกลับคืนอย่างรวดเร็วแล้วรีบลงจากเตียงเพื่อวิ่งตามร่างของชินที่ถูกผู้จัดการอุ้มไป แต่ก็ไม่ทัน
“ชิน”
ฮเยรียืนเหม่อมองรถที่พาชินออกไปจากสถานที่ถ่ายทำด้วยสีหน้างุนงง
***
“ชินไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
ผู้จัดการถามทันทีที่เห็นหมอเปิดประตูออกมา ตั้งแต่รู้ว่าวันนี้จะมีถ่ายฉากเลิฟซีนเขาก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะถึงกับเป็นลมอย่างนี้ ไม่นึกเลยว่าเหตุผลที่ทำให้ชินพยายามบ่ายเบี่ยงและหลีกเลี่ยงฉากเลิฟซีนหรือแม้กระทั่งฉากจูบมาตลอดนั้นจะเป็นเพราะแบบนี้
‘ไม่รับงานแบบนี้’
เขานึกถึงคำพูดของชินที่เคยกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้เห็นบท
“คงกลัวน่าดูสินะ…”
ผู้จัดการพึมพำด้วยความสงสาร
ขณะที่ถูกนักแสดงหญิงลูบคลำต่อหน้ากล้อง ชินคงนึกถึงเรื่องราวที่ถูกพวกผู้หญิงเหล่านั้นลวนลาม
“คล้ายกับจะเป็นภาวะขวัญเสียจาก Traumatic ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บทางจิตใจน่ะครับ ผมได้ฉีดยา Carbamazepine* ให้แล้ว เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น แต่เขาเป็นอย่างนี้บ่อยเหรอครับ”
“ไม่เคยครับ วันนี้เผอิญมีถ่ายฉากที่แตกต่างไปจากปกติก็เลย…”
“อาการแบบนี้ถือว่าหนักพอสมควรนะครับ ไม่ทราบว่า…”
“เอ่อ คุณหมอครับ ถือว่าผมขอร้องนะครับ ได้โปรดช่วยเก็บเรื่องอาการป่วยของชินไว้เป็นความลับด้วยนะครับ”
หมอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสถานการณ์ของชิน
“ถ้าเป็นไปได้ผมขอย้ายห้องผู้ป่วยเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ขอห้องที่เป็นส่วนตัวมากๆ หน่อย”
เขาต้องรีบย้ายห้องพักฟื้นเพื่อเลี่ยงกองทัพนักข่าวที่สามารถพุ่งเข้ามาได้ทุกเมื่อ
“เฮ้อ แล้วจะต้องจัดการกับข่าวยังไงดีล่ะทีนี้…”
เมื่อกี้เขายังไม่ทันได้นึกถึงข่าวเพราะมัวแต่ห่วงจะนำตัวชินส่งโรงพยาบาล ที่กองถ่ายมีนักข่าวรอสัมภาษณ์อยู่ พวกเขาเป็นนักข่าวที่ได้ทำเรื่องขออนุญาตเพื่อโปรโมตนักแสดง เรื่องที่ชินเป็นลมคากองถ่ายขณะถ่ายฉากเลิฟซีนถ้ารู้ไปถึงหูนักข่าวล่ะก็แย่แน่ๆ ต้องรีบหาทางปิดข่าวนี้ ดังนั้นเขาจะต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากประธานลี
พอคิดได้ดังนั้น ผู้จัดการก็รีบหยิบมือถือของตนออกมา
“เอ่อ…ท่านประธาน…ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ”
***
สมกับเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ ห้อง VVIP หรูหรากว่าที่คาด มีอาคารแยกออกมาต่างหาก ทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา หากไม่ใช่คนรู้จักหรือผู้ดูแลผู้ป่วยแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนว่าข่าวที่ชินเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจะรั่วไหลออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนร่วมงานของเขาพากันมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลถึงสี่ครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าการจัดการของประธานลีคงช้าไปก้าวหนึ่ง
ผู้จัดการได้แต่ตอบไปว่าชินทำงานจนร่างกายเหนื่อยเกินไป และไม่นานข่าวของชินที่รั่วไหลจากคนรู้จักก็ไปสู่คนภายนอก
‘ชิน นักแสดงแถวหน้าของประเทศ! ทำงานหนักจนถูกหามส่งโรงพยาบาล’
ผู้จัดการถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นข่าวถูกเขียนออกมาแบบนั้น ช่างโชคดีเหลือเกินที่เขาพาชินย้ายมาอยู่ห้องพักผู้ป่วยที่หรูหราและกว้างขวางแห่งนี้ ภายในห้องผู้ป่วยอันสงบเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจของชินเท่านั้น
“อา…”
“ชิน! ฟื้นแล้วเหรอ”
ทันทีที่เห็นชินลืมตา ผู้จัดการก็ร้องเรียกเสียงหลง
“ชิน”
ชินเข้าสู่วงการตั้งแต่อายุสิบห้า หากไม่มีเรื่องนั้น…ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ขึ้นในตึกที่พวกเขาอาศัยอยู่ ป่านนี้ชินก็คงยังอยู่กับน้องๆ ของเขาอย่างมีความสุข เขาคงมีชีวิตที่เป็นปกติอย่างนั้นเรื่อยมา…
“ขอโทษนะ”
ผู้จัดการเอ่ยเบาๆ อดีตผ่านมาแล้วถึงสิบปี ไม่มีหนทางใดที่จะช่วยให้ชินหลุดพ้นจากตรงนี้ได้
“อืม”
แววตาของชินยังคงเลื่อนลอย
* ยาในกลุ่มยากันชัก