overgraY
The Star’s Love Relationship รักลับของซูเปอร์สตาร์ บทที่ 3 #นิยายวาย
“เขาจะไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
“แน่นอนค่ะ ตอนนี้ที่ให้ยานอนหลับก็เพื่อให้เขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่น่ะค่ะ”
พยาบาลหันมายิ้มให้ผู้จัดการ โชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้ชินกำลังหลับอย่างสงบ แต่แล้วทันใดนั้นผู้จัดการก็นึกถึงคำพูดของประธานลีที่ว่าให้ชินออกจากโรงพยาบาลทันทีที่ฟื้น ดูเหมือนว่าจะต้องไปเอาเสื้อผ้ามาเตรียมไว้ให้ชินเปลี่ยนทันทีที่ตื่นสินะ
“ชิน ฉันขอตัวเดี๋ยวนะ”
ผู้จัดการหันไปบอกชินที่กำลังนอนหลับอยู่แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องไป
“โชคดีจังที่ไม่เป็นอะไรมาก”
พอเดินเข้ามาในลิฟต์ ผู้จัดการก็อิงร่างแนบกับผนังลิฟต์อย่างอ่อนแรง แต่ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง อะไรบางอย่างก็แวบผ่านหน้าเขาไป
“อะไรน่ะ”
อะไรบางอย่างที่มีลักษณะสูงใหญ่และเป็นสีดำ บนชั้นสูงสุดของอาคารในโรงพยาบาลแห่งนี้มีห้องพักผู้ป่วยของชินเพียงห้องเดียวเท่านั้น คนที่จะเข้ามาได้มีเพียงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรักษา คนรู้จักและผู้ดูแลผู้ป่วยเท่านั้น
[ชั้นล็อบบี้ค่ะ]
เสียงอัตโนมัติดังขึ้นเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นล็อบบี้ พอประตูลิฟต์เปิด เท้าของผู้จัดการที่ก้าวออกไปด้านนอกก็ชะงักงัน เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกๆ
ใครกัน
ความรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูกค่อยๆ แทรกซึมเข้าร่างกาย
“หรือว่า…”
ใบหน้าของผู้จัดการพลันซีดเผือดเมื่อนึกถึงชายที่สวมเสื้อกันฝนที่เคยจะทำร้ายชิน เสื้อที่ใส่มีลักษณะคล้ายเมื่อกี้
สีดำ…
“ชิน!”
ผู้จัดการรีบวิ่งกลับเข้าลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นสูงสุดอย่างร้อนรน
ชินลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด ห้องที่มีแสงสีเหลืองนวลและกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็รับรู้ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน
ชินมองเข็มที่ทิ่มอยู่บนแขนกับสายน้ำเกลือข้างเตียง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสลบกลางกองถ่าย คนที่อยู่ในเหตุการณ์จะตกใจมากแค่ไหนกัน
คังฮเยรี เธอจะตกใจมั้ยนะ
ขณะที่เขากำลังเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่โต๊ะเล็กๆ ด้านข้าง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมร่างของใครบางคนที่เดินเข้ามา
ชายผู้สวมผ้าปิดหน้าและใส่เสื้อกันฝนสีดำนั่นเอง
“คุณอีกแล้ว”
ชินตกใจแค่ชั่วครู่ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ เขาไม่รู้ว่าทำไมชายคนนี้จึงตามราวีเขาไม่เลิก แต่ถ้ามีใครสักคนอยู่กับเขาก่อนที่จะสิ้นใจก็คงไม่เลวนัก ชายเสื้อกันฝนล้วงกระเป๋า ควักอาวุธแหลมคมเล่มเดิมออกมา แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ชินจึงขยับสองเท้าลงจากเตียง
บางทีนี่คงเป็นวินาทีสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่บนโลกใบนี้ เขาไม่มีอะไรในชีวิตให้เสียดายอีกแล้ว ลมหายใจที่เขาไม่อาจปลิดเอง…ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
ชินค่อยๆ หลับตาลง
‘อย่าตาย จงมีชีวิตอยู่’
แต่แล้วหูก็พลันได้ยินเสียงของใครคนนั้น
“ผมยังอยากมีชีวิตอยู่”
ชินเผลอเอ่ยออกมาเช่นนั้น เท้าที่ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้จึงหยุดชะงัก แต่พอเห็นชินขยับตัวไปยังอีกฝั่งของเตียง ชายเสื้อกันฝนก็ยกมีดขึ้นสูงอีกครั้ง
“ช่วยด้วย!”
ชินตะโกนเสียงดัง
“คึๆๆ”
แต่แล้วเสียงแปลกๆ ก็ดังมาจากชายเสื้อกันฝน มันเหมือนเสียงหัวเราะที่คล้ายเสียงสะอึกสะอื้น ฟังแล้วชวนขนลุกยิ่งนัก
“ชิน!”
ขณะที่คนร้ายเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ผู้จัดการวิ่งเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด
“ตำรวจ โทรแจ้งตำรวจ! ด่วน!”
ผู้จัดการร้องตะโกนโหวกเหวก ก่อนที่จะขึ้นมาถึงบนนี้เขาได้โทรแจ้งยามรักษาการณ์ของโรงพยาบาลเอาไว้แล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกน ชายเสื้อฝนก็พุ่งเข้าใส่ผู้จัดการอย่างแรง
โครม
ร่างของผู้จัดการกระเด็นไปกระแทกผนัง แต่เขาก็ยังกัดฟันคว้าปลายเสื้อกันฝนจนทำให้คนร้ายเสียการทรงตัว แล้ววินาทีนั้นเองอาวุธแหลมคมที่ถูกกำอยู่ในมือก็ร่วงตกลงพื้น ร่างในเสื้อกันฝนชะงักแล้วจ้องหน้าผู้จัดการเขม็ง สายตานั้นน่าสะพรึงจนมือที่คว้าเสื้อกันฝนเอาไว้เผลอคลายออก
“ได้ยินว่ามีคนร้ายขึ้นมา! รีบไปเร็ว!”
พยาบาล ยาม และตำรวจสี่คนกำลังวิ่งใกล้เข้ามา
“ทางนี้ครับ มันอยู่นี่ครับ”
ผู้จัดการตะโกน แต่กว่าที่พวกเขาจะมาถึง ชายในเสื้อกันฝนก็ได้อันตรธานหายไปเรียบร้อยแล้ว
***
“จะจ้างบอดี้การ์ดงั้นเหรอ”
หลังจากที่ให้การกับตำรวจเสร็จเรียบร้อย ชินกับผู้จัดการก็กลับมาที่บ้าน
“ใช่ มันจ้องเอาชีวิตของนายถึงสองครั้งแล้วนะ มันอาจจะโผล่มาอีกก็ได้ใครจะรู้”
ผู้จัดการพูดพลางวางถุงยาลงบนโต๊ะหน้าโซฟา
“ไม่เอา”
“ชิน”
“ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องผมทั้งนั้น”
“เพื่อความปลอดภัยของนายเองนะ ไม่รู้มันจะโผล่มาฆ่านายอีกเมื่อไหร่”
“ผมไม่ต้องการ!”
“คิมชิน!”
“ตัวผม ผมดูแลเองได้”
“อย่าดื้อได้มั้ย”
หลังพยายามโน้มน้าวมาตลอดหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดผู้จัดการก็โมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง เตะประตูอย่างแรงแล้วเดินออกไป
ชินยกมือข้างหนึ่งนวดขมับ รู้สึกปวดหัวและเพลียเหลือเกิน เขาค่อยๆ เอนร่างนอนลงบนเตียง แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นก่ายหน้าผาก
บอดี้การ์ดงั้นเหรอ อยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก แค่คิดว่าตัวเองจะต้องถูกขังไว้ในมือของใครบางคนอีกครั้งก็รู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
ในวินาทีที่ชายเสื้อกันฝนเดินเข้ามาใกล้ อย่าว่าแต่ความกลัวเลย เขากลับรู้สึกโล่งอกจนเผลอคิดว่าเป็นเรื่องดีเสียอีก ต้องอยู่บนโลกนี้ที่ไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งที่เขาปรารถนา ชินอยากพักเหลือเกิน
แต่แล้วทำไม…จู่ๆ ถึงคิดอยากมีชีวิตล่ะ
‘ช่วยด้วย’
คำพูดนั้นที่ตัวเองเคยพูดยังดังก้องอยู่ในหู
“ยากล่อมประสาทงั้นเหรอ”
ชินหันไปหยิบถุงยาที่ผู้จัดการวางไว้ ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงนอนไม่หลับ ชินกรอกยาหลายเม็ดพร้อมกับดื่มน้ำหนึ่งอึกก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง ผ่านไปไม่นานเปลือกตาก็ค่อยๆ หรี่ลงจนปิดสนิทในที่สุด
***
เช้าวันใหม่แล้ว แต่ความเหนื่อยล้ากลับไม่จางหาย ยังดีที่เมื่อคืนไม่ได้ถูกหลอกหลอนจากฝันร้าย ปกติแล้วเขาจะตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อออกไปวิ่งจ๊อกกิ้ง แต่เมื่อคืนเขาหลับสนิทมากจนไม่ได้ตื่นขึ้นมาในเวลาเช่นเคย
ชินรู้สึกถึงมืออบอุ่นและสัมผัสอ่อนโยนที่เข้ามาแทนที่ฝันร้าย
เขาหวนนึกถึงมืออันอบอุ่นและอ่อนโยนของแม่ที่จำหน้าไม่ได้ในขณะฝัน หรือเป็นเพราะฤทธิ์ยา ยานั่นทำให้เขาสามารถหลับสนิทได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ
“ชินตื่นรึยัง”
ขณะที่เอื้อมมือไปหยิบถุงยา เสียงของผู้จัดการก็ดังอยู่นอกห้อง ชินจึงวางถุงยาลงพลางเหลือบมองนาฬิกาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
หกโมงเช้า ยังเป็นเวลาที่เช้าเกินกว่าจะเริ่มการถ่ายทำ
แอ๊ด
ประตูห้องถูกเปิดพร้อมกับผู้จัดการที่ยื่นหน้าเข้ามา
“ตื่นแล้วนี่นา”
“มีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมมาเช้าขนาดนี้”
“ออกมานี่หน่อยได้มั้ย”
สีหน้าของผู้จัดการดูประหม่าเล็กน้อย
“บอดี้การ์ดน่ะ”
ชินเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินตามผู้จัดการออกไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วผู้จัดการก็เริ่มเปิดประเด็นถึงเรื่องที่คุยกันค้างไว้เมื่อวาน
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับ…”
ชินชะงักทันทีที่เห็นชายที่สวมสูทดำผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามา
“อะ…เอ่อ…”
ผู้จัดการพูดติดๆ ขัดๆ
“พี่! ทำไมไม่ฟังที่ผมพูด”
ชายคนนั้นตบบ่าผู้จัดการเบาๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้ชิน เส้นผมสีดำถูกเสยไปด้านหลัง ไหล่กว้าง และร่างกายกำยำแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง ทันใดนั้นเองดวงตาของชินก็เบิกกว้าง
“คุณ?”
แววตานี้ ใบหน้านี้…
“ขอโทษ ถ้าไม่จ้างบอดี้การ์ด ฉันคงไม่สบายใจจริงๆ”
ชินยังคงจ้องชายคนนั้นตาค้าง
***
“จะยืนอยู่ตรงนั้นตลอดเลยเหรอไง”
ชินเอ่ยถามชายคนนั้นขณะหยิบเสื้อไหมพรมออกมาเปลี่ยนเพื่อจะไปทำงาน
“มันเป็นหน้าที่”
ชินบอกให้อีกฝ่ายออกไปรอข้างนอก แต่เขากลับไม่มีท่าทีที่จะขยับ เอาแต่ยืนกอดอกพิงผนังพร้อมกับจ้องมาที่ชิน
“เป็นบอดี้การ์ดก็ควรฟังคำสั่งของนายจ้างไม่ใช่เหรอ”
“ผมเน้นที่ความปลอดภัย”
“คิดว่าที่นี่มันอันตรายเหรอไง นี่มันห้องของผม ปลอดภัยแน่นอน เพราะฉะนั้นรีบออกไปรอข้างนอกเดี๋ยวนี้”
ชินตะโกน เขารู้สึกหงุดหงิดเนื่องจากกำลังพยายามบังคับอะไรบางอย่างที่กำลังเต้นรัวอยู่ภายในอกให้สงบลง เพราะวินาทีที่เห็นชายคนนี้เป็นครั้งแรก ชินก็พลันนึกถึงคนคนนั้น
ทั้งใบหน้า ทั้งส่วนสูง แม้กระทั่งน้ำเสียงยังเหมือนกับเขาคนนั้นไม่มีผิด มันเป็นไปได้ยังไง
“คุณรู้จักผมรึเปล่า”
เขาพยักหน้า
“รู้จักเหรอ หรือว่าคุณคือ…”
ไม่อยากจะเชื่อ เขาคนนั้นน่าจะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน…
“แน่อยู่แล้ว ก็นายเป็นนักแสดงแถวหน้าของประเทศไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้ฉันก็ถามไปแล้วว่ารู้จักนายมั้ย เขาบอกว่าเคยดูหนังที่นายแสดงด้วย”
ผู้จัดการพูดแทรกขึ้นมา เขารู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของชินที่ตอนแรกนึกว่าจะตะคอกหรือไล่ตะเพิด
“ไม่มีใครในประเทศนี้ที่ไม่รู้จักชินหรอก ใช่มั้ยล่ะ”
ยอนโฮพยักหน้ารับเมื่อผู้จัดการหันมาถาม
“เมื่อปีที่แล้วก็มีหนังออกฉาย คุณรู้มั้ยว่าชินต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะถ่ายทำหนังเรื่องนั้นเสร็จ ตอนนั้นเป็นช่วงกลางฤดูหนาวที่ลมพัดแรงมาก ฉากส่วนใหญ่ก็เป็นฉากเอาต์ดอร์ ขาของชินนะถูกหิมะกัด…”
“ทั้งสองคนออกไปได้แล้ว!”
ชินตะโกนลั่น
“เป็นอะไรเหรอชิน”
เมื่อผู้จัดการเอ่ยถาม ชินก็หมุนตัวเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูดังปัง
“อย่างนั้นเองเหรอ เขารู้จักเราก็เพราะว่าเราเป็นนักแสดงน่ะเหรอ”
ชินบ่นอู้อี้อยู่หลังประตู ช่างโง่เง่านักที่คิดว่าเขาคือคนคนเดียวกับคนคนนั้น คนที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นได้หรอก
“เฮ้อ” ชินถอนหายใจอย่างแรง
***
“บอดี้การ์ดนี่เป็นเหมือนคุณทุกคนมั้ย” ชินนิ่วหน้าพลางเอ่ยถาม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน แถมคนแปลกหน้าคนนี้ยังเอาแต่จ้องมองอยู่ตลอดเวลาจนทำให้ชินรู้สึกประสาทเสีย ทั้งที่เป็นลูกจ้างแต่กลับไม่ฟังคำพูดของชินเลย ทั้งยังไม่พูดคำลงท้ายว่าครับหรือไม่มีท่าทีสุภาพกับเจ้านาย ช่างเป็นคนที่ยากแก่การเข้าใจเสียจริง
ชินเหลือบมองยอนโฮที่เดินตามเข้ามาในห้องพร้อมยืนจ้องเขาเขม็ง
ยังจะตามเข้ามาอีกนะ
ชินหันหลังให้แล้วถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก กล้ามเนื้อเล็กๆ เรียงตัวสวยอยู่บนผิวขาวกระจ่าง รูปร่างไร้ซึ่งไขมันส่วนเกิน ถ้าไม่นับช่วงบ่าที่กว้างแล้วล่ะก็ ผิวขาวผ่องนี้คงทำให้คิดว่าไม่ใช่ผิวของผู้ชาย ชินหยิบเสื้อไหมพรมขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับไปมองยอนโฮอีกครั้ง
“ผมถามว่าจะอยู่ตรงนี้ตลอดเลยใช่มั้ย”
“…”
“ไม่เห็นเหรอว่ากำลังเปลี่ยนเสื้อ”
“ก็เปลี่ยนไปสิ”
ยอนโฮกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปที่นอกหน้าต่างแทน คงเพราะเพื่อป้องกันชีวิตส่วนตัวของนักแสดงอย่างชิน แม้แต่กระจกหน้าต่างของบ้านยังถูกสั่งทำมาพิเศษ ทิวทัศน์ภายนอกของฤดูหนาวช่างดูอึมครึมเสียจริง แต่จริงๆ แล้วการที่ทิวทัศน์ภายนอกดูอึมครึมไม่ได้เป็นเพราะต้นไม้ที่ไร้ใบหรอก
คิมชิน
เป็นเพราะเด็กคนนี้ต่างหาก
‘จะรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้นักแสดงเหรอครับ ทำไมคนอย่างคุณต้องทำด้วยล่ะครับ แล้วงานที่นี่ล่ะ ทางนี้ก็ขาดคุณไม่ได้เหมือนกัน คุณก็ทราบดีไม่ใช่เหรอครับ’